เรือดำน้ำ 3 ลำที่กองทัพเรือเสนอให้จัดซื้อเข้าประจำการ มีรายงานว่าเป็นรุ่น Yuan Class S26T มีระวางขับน้ำ 2,600 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ติดตั้งระบบ Air Independent Propulsion system หรือ AIP ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้อยู่ใต้น้ำได้ต่อเนื่องถึง 21 วันโดยไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อชาร์จไฟ ขณะที่เรือดำน้ำปกติจะดำน้ำได้นาน 7-10 วันเท่านั้น
ทั้งนี้ทางกองทัพเรือยังแจ้งว่าจำเป็นต้องซื้อเพราะประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบนั้นมีหมดแล้ว โดย ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ ระบุว่าสมรรถนะที่กองทัพเรือเตรียมจัดซื้อ รุ่น Yuan Class S26T พัฒนาเป็นพิเศษขึ้นจากคลาสปกติของ Yuan ซึ่งไม่ได้ติดตั้งขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือ ASM (Anti-Ship missile) แต่เรือดำน้ำที่ไทยเตรียมสั่งต่อขึ้นเป็นพิเศษนั้น จะมีระบบ ASM รวมอยู่ด้วย
เมื่อนำมาศึกษาเปรียบเทียบกับเรือดำน้ำที่มีประจำการของประเทศในกลุ่มอาเซียนรอบบ้านไทย พบว่า เรือดำน้ำที่กองทัพเรือเสนอจัดซื้อ มีสมรรถนะดีที่สุด จากข้อมูลดังกล่าว ในแง่สมรรถนะและราคา อาจไม่ใช่ปัญหาของการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ แต่ประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม คือ ความเหมาะสมและจำเป็นของการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในห้วงเวลานี้
ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับบีบีซีไทย ว่า การมีเรือดำน้ำของไทยไม่ช่วยตอบโจทย์ด้านความมั่นคง เนื่องจากไทยไม่ค่อยมีข้อพิพาททางทะเลโดยตรง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีเรือดำน้ำอยู่แล้ว ซึ่งเผชิญกับปัญหาหมู่เกาะสแปรดลีย์ ขณะที่บางประเทศมีความจำเป็นด้านภูมิศาสตร์ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือเวียดนาม แต่ไทยไม่มีความจำเป็นในแง่นี้
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ถ้าอนุมัติในการสั่งซื้อเรือดำน้ำดังกล่าวก็จะต้องใช้เวลาสั่งต่อเรือพิเศษ 5-6 ปี นอกจากนี้ยังจะต้องก่อสร้างท่าเรือ กำลังพลและอุปกรณ์ต่างๆจึงคาดว่าอีกหลายปีกว่าจะได้ใช้สมจริง
