ธารน้ำแข็งหลายแห่ง ทั้งบนเกาะกรีนแลนด์ และในแถบแอนตาร์กติก ได้ละลายและหดตัวด้วยอัตราความเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นักวิจัยจึงได้คิดหาวิธีที่จะศึกษาภาวะความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยอาศัยความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากสัตว์เจ้าถิ่นอย่างแมวน้ำวงแหวน แมวน้ำพันธุ์เล็กสายพันธุ์เดียวที่อาศัยอยู่บนธารน้ำแข็งในเกาะกรีนแลนด์
ศาสตราจารย์เดวิด ฮอลแลนด์ อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และอักกาลู โรซิง-อัสวิด นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันทรัพยากรธรรมชาติของกรีนแลนด์ ได้ทดลองติดเครื่องมือที่สามารถวัดความลึก อุณหภูมิ และความเค็มของน้ำทะเล ไว้ที่ตัวแมวน้ำ เพื่อให้มันช่วยเก็บข้อมูลสำคัญเหล่านี้ ระหว่างที่มันว่ายลงไปใต้แผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมา
ทันทีที่แมวน้ำโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำ ข้อมูลที่บันทึกได้จะถูกส่งไปยังดาวเทียม แล้วส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ของสถานีอุตุนิยมวิทยา ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งมีอุปกรณ์ที่รับข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้นักวิจัยนำข้อมูลดิบที่ได้ไปวิเคราะห์ต่อไป
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ทำให้ธารน้ำแข็งในแถบนี้หดตัวและละลายเร็วกว่าธารน้ำแข็งแห่งอื่นๆ เกิดจากการปะทะกันอย่างรุนแรงของกระแสน้ำอุ่นในทะเลกับธารน้ำแข็ง ที่ระดับความลึก 200 เมตร ขณะที่แมวน้ำนั้น ดำลงไปได้ลึกถึง 500 เมตร การใช้แมวน้ำเก็บข้อมูลสำคัญๆเหล่านี้ จึงถือเป็นทางเลือกที่สะดวก ได้ผล และประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด เมื่อเทียบกับวิธีที่นักวิจัยต้องโรยตัวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ หรือพายเรือเข้าไปใกล้ธารน้ำแข็ง เพื่อเก็บข้อมูลเอง
สำหรับผู้ที่ห่วงสวัสดิภาพของแมวน้ำ ทีมนักวิจัยยืนยันว่า เครื่องมือที่ใช้ติดตั้งบนตัวแมวน้ำจะไม่เป็นอันตรายกับพวกมันอย่างแน่นอน โดยหลังจากผ่านไป 1 ปี เครื่องมือเหล่านี้ก็จะค่อยๆ หลุดไปเอง นอกจากนี้ แต่ละปีจะมีแมวน้ำที่ถูกจับมาติดตั้งอุปกรณ์เพียง 5 ตัวเท่านั้น
หลังจากดำเนินการมานานกว่า 6 ปี นักวิจัยรู้สึกพอใจกับความสำเร็จของโครงการนี้เป็นอย่างมาก โดยคาดว่าจะดำเนินการต่อไปอีก 1 ปี และอาจจะทดลองติดตั้งอุปกรณ์เก็บข้อมูลเหล่านี้ให้กับปลาและสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ เพื่อให้สัตว์ทุกตัวบนเกาะกรีนแลนด์ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่มีความสำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์และมวลมนุษยชาติ