1. โคลอสเซียม หรือทวิอัฒจันทร์ฟลาเวียน หรือภาษาอิตาลีเรียกว่า โคลอสโสะ หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่ผู้หลงรักสถาปัตยกรรมและความยิ่งใหญ่สมัยโรมัน หรือนักท่องเที่ยวแล้วมากรุงโรมแล้วต้องไปชมให้ได้เมื่อไปถึง ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนจากทั่วโลกต่างตีตั๋วมาเพื่อต่อคิวเข้าไปชมความงามและความยิ่งใหญ่ไม่ขาดสาย
ทั้งนี้โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
2.น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ภาษาอิตาลี Fontana di Trevi ซึ่งเป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม ตั้งอยู่ทางสามแพร่ง ที่เทรวี ริโอเน โดยที่แห่งนี้ใครมาถึงแล้วต้องแห่มาโยนเหรียญกัน เพราะสำหรับนักท่องเที่ยวเชื่อกันว่า หากใครโยนลงบ่อได้คนนั้นจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้ซ่อมบำรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังใช้เวลานานกว่า 1 ปี โดยน้ำพุดังกล่าวมีความสูง 25.9 เมตร (85 ฟุต) และกว้าง 19.8 เมตร (65 ฟุต)
3. มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (Duomo di Milano) ตั้งอยู่บริเวณจตุรัสกลางเมืองมิลาน ซึ่งมิลานเป็นเมืองอุตสาหกรรมแฟชั่นชั้นนำของโลก และมหาวิหาร หรือดูโอโม่ดังกล่าวใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย! ใครมาถึงแล้วไม่มาถือว่าพลาดมากทีเดียว ทำให้นักท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าวคนต่อแถวเพื่อไปชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ภายในดูโอโม่อย่างต่อเนื่อง ขอกระซิบบอกเลยว่า งดงาม ยิ่งใหญ่ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะเสาในดูโอโม่ดูแข็งแรงมากทีเดียว
4.แกลเลอเรีย วิตตอริโอ เอมานูเอล2 (Galleria Vittorio Emanuele ll) ในกรุงมิลานอยู่เยื้องกับดูโอโม่ ซึ่งเป็นอาคารหลังแรกๆในยุโรปที่ใช้กระจกทำเป็นโดมแก้ว ที่พื้นตกแต่งด้วยโมเสกเป็นรูปทวีปต่างๆ และลวดลายที่งดงาม ภายในมีห้างร้านแฟชั่นต่าง ๆ มากมาย ทั้งยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ที่ผู้คนมักจะมานั่งเล่น ดูผู้คนผ่านไปมาซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1865 และใช้เวลาถึง 12 ปีกว่าจะสร้างแล้วเสร็จ
5.หอไอเฟล (Eiffel Tower) ภาษาฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยหอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีสและ หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก โดยชื่อของหอไอเฟลมาตั้งตามชื่อสถาปนิกผู้ออกแบบและวิศกรชั้นนำของฝรั่งเศส คือ กุสตาฟ ไอเฟล
ปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และหากนับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างมามีนักท่องเที่ยวรวมกว่า 200,000,000 คน ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
6.ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส หรือเรียกว่า อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวลอาร์ก เดอ ทรียงฟ์ เดอ เลตวล ภาษาฝรั่งเศส: Arc de triomphe de l'Étoile ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "จัตุรัสแห่งดวงดาว" (Place de l'Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตกของช็องเซลีเซ โดยประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย
ทั้งนี้ประตูชัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "แกนกลางอันเก่าแก่" (L'Axe historique) ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไปยังชานกรุงปารีส ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดยฌ็อง ชาลแกร็งในปี พ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน เต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใจ และเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1
7.Grand Palace หรือ Grong Plas จัตุรัสแกรนด์เพลส หรือ กรองด์ ปลาซ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม ที่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกประเทศต้องมาเยือน เนื่องจากเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรป เป็นกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมทั้งบาโร้ค โกธิค นีโอ-โกธิค และเป็นสถานที่ซึ่งยูเนสโก้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1983 เยือน โดยทุก 2 ปี จะมีการจัดเทศกาลพรมดอกไม้ (Flower Carpet) ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะเป็นเทศกาลที่รวบรวมเหล่านักจัดดอกไม้นับ 100 คน รวมตัวกันร่วมสร้างพรมดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ดอก begonias นับล้านดอกให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 4 ชม.
8. Atomium (อะโตเมียม) อีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศที่มาแล้วต้องไม่พลาดเลยก็คือ Atomium (อะโตเมียม) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นแลนมาร์คของกรุงบรัสเซลล์ มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมลูกเหล็กทรงกลม โดยโครงสร้างเป็นรูปทรงอะตอมขนาดยักษ์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหอแสดงนิทรรศการงานแสดงสินค้าโลก หรือ World Expo ในปีค.ศ. 1958 โดยสถาปนิกชื่อ "อองเดร วอเตอร์คีน" โดยโครงสร้างหลักเป็นเหล็ก มีความสูงประมาณ 108 เมตร ประกอบด้วยลูกบอลเหล็ก 9 ลูก ลูกบอลแต่ละลูกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 เมตร ซึ่งอะโตเมียม เป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายในเชิงคุณค่าของการก้าวกระโดด สู่ยุคเทคโนโลยีใหม่หลังสงครามโลกของประเทศเบลเยียม
สำหรับภายในจะมีทางเดินเป็นรางเลื่อนที่มีความทันสมัย มีจุดชมวิว ห้องอาหารและห้องแสดงงานศิลปะ นักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวกันจำนวนมาก
9.ย่านเมืองเก่าในสต็อกโฮล์ม (Stockholm's Old Town) สวีเดน ย่านเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้ ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมยุคกลางที่มีกลิ่นอายของศตวรรษที่ 13 ไว้อย่างเหนียวแน่น ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสบรรยากาศย้อนยุค และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านพิพิธภัณฑ์ชั้นดีหลายแห่ง รวมถึงเพลิดเพลินไปกับการชอปปิ้งสินค้าที่ออกแบบมาอย่างมีรสนิยม และเติมพลังในร้านอาหารหรือคาเฟ่เก๋ที่ตั้งเรียงรายริมสองข้างทาง นอกจากนี้ย่านเมืองเก่ายังเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง (Royal Palace) สถาปัตยกรรมบาโรคเก่าแก่ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ และที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์สวีเดน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในได้
