สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมหลายแสนรายทั่วโลกจัดกิจกรรมรณรงค์และเดินขบวนเรียกร้องให้ผู้นำและประชาคมโลกร่วมกันแก้ปัญหาโลกร้อน ก่อนการประชุมรัฐสมาชิกภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP21 จะเริ่มขึ้นในวันนี้ (30 พ.ย. 58) โดยที่กรุงปารีส หัวใจของการประชุมในครั้งนี้ มีผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่ ท้าทายมาตรการคุมเข้มความปลอดภัยของทางการฝรั่งเศสด้วยการออกมาชุมนุมกันที่จัตุรัสเดอ ลา รีพับลิค ส่งผลให้เกิดการปะทะกับตำรวจปราบจลาจลฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ยอมล่าถอยออกไป ได้ทิ้งรองเท้าหลายคู่ไว้ที่จัตุรัส เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าไม่พอใจที่ทางการขัดขวางการจัดกิจกรรมในครั้งนี้
นอกจากที่ปารีสแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ และลาตินอเมริกา ที่มีการชุมนุมในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ใจกลางกรุงมาดริด ของสเปน, ในกรุงเบอร์ลิน ของเยอรมนี, ใจกลางกรุงลอนดอน ของอังกฤษ ซึ่งมีนักแสดงชื่อดังอย่าง เอ็มมา ทอมสัน เข้าร่วมกิจกรรมด้วย รวมถึงในเมืองหลวงของเม็กซิโก เปรู ชิลี บราซิล, นครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย, และนครนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากออกมาถือป้าย เดินขบวน เรียกร้องให้ผู้นำโลกบรรลุข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม
สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นการรวมตัวกันของผู้นำรัฐและหัวหน้ารัฐบาลจาก 147 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักการทูตและผู้เชี่ยวชาญรวมกว่า 40,000 ราย เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงฉบับใหม่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้สูงเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเมื่อจัดทำร่างข้อตกลงแล้ว จะมีการลงนามและประกาศบังคับใช้ในปี 2563 เป็นต้นไป
ขณะนี้บรรดาผู้นำโลก อาทิ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และนายมัลคอร์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย เดินทางถึงกรุงปารีสแล้ว โดยบรรดาผู้นำได้ทยอยเดินทางไปวางดอกไม้ และยืนสงบนิ่งไว้อาลัยเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีกรุงปารีส ที่หน้าหอแสดงคอนเสิร์ตบาตากล็อง ก่อนจะเตรียมเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ต่อไป
ทั้งนี้หลายฝ่ายจับตาการประชุมครั้งนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเกิดขึ้นหลังเหตุโจมตีกรุงปารีส อย่างไรก็ตามผู้นำส่วนใหญ่ยังคงยืนยันที่จะเข้าร่วมการประชุมเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับฝรั่งเศส โดยในส่วนของประเทศสมาชิกอาเซียนนั้น มีผู้นำและหัวหน้ารัฐบาลจากกัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ตอบรับเข้าร่วมการประชุม
อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังคงมีความเห็นต่างในรายละเอียดของข้อตกลง โดยสหรัฐฯไม่ต้องการลงนามข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงอียู ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ข้อตกลงมีผลผูกพันทางกฎหมาย นอกจากนี้ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังต้องการสิทธิ์ในการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างน้ำมัน และถ่านหิน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตนเองต่อไป
กำหนดการประชุมมีทั้งสิ้น 12 วัน โดยการประชุมจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. 58
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับประเทศปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นอันดับประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับต้นๆของโลก
(เท่ากับ 70% ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ) โดยพี่ใหญ่ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คือ จีน 24%, สหรัฐฯ 12%, อียู 9%, อินเดีย 6%, บราซิล 6%, รัสเซีย 5%, ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียก็ติดอันดับด้วย เนื่องจากมีประเด็นเรื่องไฟป่า ที่ปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศค่อนข้างมากในแต่ละปี