วันนี้ (18 ธ.ค. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เข้าสู่วันที่ 4 กับการประมูลคลื่นความถี่ 4G ย่าน 900 MHz ถือว่าวันนี้เป็นการทำลายสถิติโลกในเรื่องของระยะเวลาการประมูลที่อยู่ในห้องประมูลยาวนานมากที่สุดในโลก โดยไม่ได้ออกจากห้องการประมูล หรือ เป็นการประมูลแบบปิด ซึ่งแตกต่างจากการประมูลในต่างประเทศที่ผู้ร่วมประมูลจะเคาะราคาจากบริษัทของตัวเอง นอกจากนี้มีการวิเคราะห์ว่าการประมูลอาจจะใกล้สิ้นสุด หลังราคาใบอนุญาติใกล้กับราคาที่เคยจ่ายค่าสัมปทาน
การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ขณะนี้ยังมีการแข่งขันเคาะราคากันอยู่ในรอบที่ 171 โดยราคารวม 2 ใบอนุญาตอยู่ที่ 136,174 ล้านบาท ราคาใบประมูลล็อตที่ 1 ราคา 66,960 ล้านบาท ราคาล็อตที่ 2 อยู่ที่ 69,214 ล้านบาท จากการแถลงของกสทช. มีการวิเคราะว่าการประมูลอาจจะมีแนวโน้มที่จะสิ้นสุด เนื่องจากเคาะราคาขณะนี้สูงเกือบเทียบราคาค่าสัมปทานที่ผู้ประกอบการบางรายเคยจ่าย ซึ่งแม้ว่าราคาส่วนนี้จะยังคงเป็นกำไรแต่เชื่อว่าอาจจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ประมูลอาจจะต้องกลับมาคิดว่าราคาที่ประมูลนั้นยังคงอยู่ในระดับที่ยังรับไหว หรือเข้าสู่ที่ระดับราคาอาจกระทบต่อต้นทุน
โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. ได้มีการวิเคราะว่าผลรวมของราคาจากการประมูลขณะนี้ หากเปรียบเทียบกับรายได้ก็ถือว่ายังคงเป็นส่วนของกำไรของผู้ประมูลบางรายอยู่ แต่หากราคาสูงกว่านี้ คาดว่าผู้ประมูลบางรายอาจจะเริ่มมีการพิจารณาว่าราคานี้จะคุ้มกับการลงทุนหรือไม่
ทั้งนี้จากการสำรวจของ ITU ที่มีการเก็บข้อมูลจาก 100 ประเทศที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz โดยประเมินจากขนาดประเทศ ประชากร และรายได้ต่อหัวของประชากร โดยคลื่น 900 ที่มีมูลค่ามากที่สุดอยู่ที่ประเทศฮ่องกงในการประมูลปี 2554 มีมูลค่า 68,099 ล้านบาท (ต่อใบ) ซึ่งราคา ณ ขณะนี้ ของไทยถือว่าเกินแล้ว แต่จะสูงในโลกหรือไม่นั้นไม่สามารถตอบได้เนื่องจากไม่เคยมีการสำรวจที่เป็นทางการ
โดยการประมูลคลื่นความถี่ 4G ย่าน 900 MHz ประมูลเพื่อชิงใบอนุญาต 2 ใบ ใบอนุญาตละ 10 MHz ผู้ที่ชนะการประมูลครั้งนี้จะได้สิทธิ์ครอบครองใบอนุญาตเป็นเวลา 15 ปี และทาง กสทช.คาดว่าหากการประมูลเสร็จสิ้นลงจะมีการรับรองผล มีการชำระเงินค่าประมูลตามกำหนด ก็คาดว่าผู้ที่ชนะการประมูลจะสามารถเปิดให้บริการ 4G ได้ภายในเดือน ก.พ. 59
ซึ่งการเคาะราคาก็ยังมีการแข่งขันอย่างเข้มข้น จากผลการประมูลที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประมูลทั้ง 4 รายยังคงมีการแข่งขันเคาะราคากันอยู่ จากการแถลงล่าสุด ของ กสทช. ออกมาเปิดเผยล่าสุด ประธานกรรมการของบริษัท เอไอเอส และผู้บริหารชาวต่าวชาติของ ดีแทค ได้ขอออกจากห้องการประมูลเพราะติดภารภิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่การประมูลก็ยังดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ผู้ชนะ
