วันที่ 2 ก.พ. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะแถลง รองอธิการบดีฯ พร้อมด้วยรอง.ศ.ทพ.พาสน์ศิริ นิสาลักษณ์ คณบดีคณะทัตแพทยศาสตร์ แถลงกรณีอดีตทันตแพทย์หญิงหนีทุนว่า การติดตามบังคับทรัพย์สินของอดีตทันตแพทย์หญิงรายนี้เป็นการดำเนินในคดีแพ่ง และมีมูลเหตุเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวอยู่ที่ต่างประเทศ บรรดาเจ้าหนี้จึงไม่สามารถติดตามบังคับคดีนอกอาณาจักรได้ โดยในการตรวจสอบขอความร่วมมือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะตรวจสอบได้ก็ต่อเมื่อมีการดำเนินการให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายและเรื่องนี้อยู่ระหว่างการหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ส่วนเหตุที่มหาวิทยาลัยอนุญาตให้อดีตทันตแพทย์รายนี้ลาออกจากราชการ ขอชี้แจงว่าการขอลาออกจากราชการกับการชดใช้ทุนเป็นคนละกรณีกัน เพราะการให้ข้าราชการขอลาออกยังคงต้องชดใช้ทุนตามปกติ
ทั้งนี้ทุนที่ สกอ. ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลชุดนั้น เพื่อผลิตบัณทิตที่มีคุณภาพในสาขาที่จำเป็น และต้องกลับมาชดใช้ทุน เพราะศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้อดีตทันตแพทย์ และผู้ค้ำฯ รับผิดชอบใช้เงินตามที่ฟ้อง 196,637 บาท และ 666,131 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แต่เมื่อคดีความสิ้นสุด กลับไม่มีผู้ใดนำเงินมาชำระ ส่วนผู้ค้ำประกันรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงขอหารือเรื่องการผ่อนผันต่อไป จึงต้องดำเนินการเดินหน้ายื่นฟ้องล้มละลาย จะสามารถตรวจสอบข้อมูลว่าอดีตทันตแพทย์คนนี้เดินทางมาประเทศไทยช่วงไหนบ้าง มีทรัพย์สินในต่างประเทศอย่างไร
ขณะที่รศ.ทพ.พาสน์ศิริ กล่าว ก่อนหน้านี้ได้ติดตามทวงถามเงินจำนวน 30 ล้านบาท แต่อดีตทันตแพทย์รายนี้กลับไม่ยินยอมชดใช้ตามที่ร้องขอ อ้างเพียงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทั่งทางคณะฯได้ทำหนังสือส่งถึงมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เพื่อต้องการพยายามผ่อนผันให้มาโดยตลอด อีกทั้งยังยืนให้มาเป็นอาจารย์พิเศษจะได้ไม้ผิดสัญญาตามเงื่อนไขที่ระบุว่า ต้องกลับมารับราชการชดใช้ทุนดังกล่าวไม่น้อยกว่า 2 เท่า ของระยะเวลาที่ได้รับทุนรัฐบาล เเต่เมื่อส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลัง ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ จึงไม่สามารถผ่อนผันลักษณะนี้ได้
