ประชากรหมูป่าในพื้นที่ควบคุมรัศมี 12 ไมล์ รอบโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 330 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2011 ซึ่งทำให้เตาปฏิกรณ์ระเบิด และเกิดการรั่วไหลของกัมมันตรังสี ที่ผ่านมา หมูป่าเหล่านี้ได้สร้างปัญหาจากการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่เพาะปลูกเพื่อหาอาหาร นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบเห็นหมูป่าเดินตามถนน หรือหมูป่าทำร้ายคนมากขึ้นด้วย
รัฐบาลท้องถิ่นของญี่ปุ่นจึงจัดตั้งทีมล่าหมูป่า พร้อมออกมาตรการจูงใจให้ประชาชนล่าหมูป่ากันมากขึ้น โดยในช่วงระหว่างปี 2011-2014 จำนวนหมูป่าที่ถูกล่าเพิ่มขึ้นจาก 3,000 ตัว เป็น 13,000 ตัว อย่างไรก็ตาม ประชากรหมูป่าก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง แม้ว่าหมูป่าจะเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศของอาหารญี่ปุ่น แต่หมูป่าที่ฟุกุชิมะนี้ไม่สามารถนำมารับประทานได้ เนื่องจากมีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในระดับที่อันตราย ซึ่งทางการเองก็มีปัญหากับการจัดหาหลุมฝังด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตัวของหมูป่าเองจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกัมมันตรังสี แถมยังขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันกัมมันตรังสีเพื่อสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยฟุกุชิมะ ที่ศึกษาปรากฎการณ์นี้ อธิบายว่า หมูป่า รวมถึงแรคคูน ใช้โอกาสที่คนอพยพออกจากพื้นที่ เข้าไปยังบ้านที่ถูกทิ้งร้างเพื่อใช้เป็นที่อยู่ และขยายพันธุ์