ข้อความที่ถูกโพสต์ขึ้นมา ขยายผลต่อไปด้วยว่า ผู้ที่ร่วมทำการทุจริต คือ สถาบันกวดวิชาที่รับรองประกันผลการสอบเข้า ด้วยเงินสูงถึง 8 แสนบาท ถ้าไม่สำเร็จยินดีคืนเงิน ซึ่งอธิการบดี ม.รังสิต โพสต์ภาพอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ ที่นำมาใช้ในการทุจริตคราวนี้ไว้ด้วย เป็น แว่นตาติดกล้อง และนาฬิกา สมาร์ทวอทช์
ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ถูกบันทึกด้วยกล้องที่ซ้อนติดไว้กับขาแว่นตา ของนักเรียนที่ร่วมสอบคัดเลือกเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ และ เภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยกำหนดเวลาทำข้อสอบ 3 ชั่วโมง นักเรียนกลุ่มที่ 1 ไม่ได้มีเจตนามาสอบ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้บันทึกข้อสอบออกมาส่ง กลุ่มนี้ จะใส่แว่นตาแอบถ่าย โดยใช้เวลาอยู่ในห้องสอบเพียง 45 นาที เป็นเวลาที่อนุญาตให้ออกจากห้องสอบได้ นักเรียนกลุ่มนี้จะรีบนำภาพที่บันทึกไว้ ไปส่งลงระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อส่งภาพข้อสอบ ไปยังติวเตอร์ เฉลยข้อสอบ เมื่อได้รับภาพข้อสอบแล้ว กลุ่มติวเตอร์จะส่งคำตอบทั้งหมด ผ่านข้อความ ไปยังนาฬิกา หรือ สมาร์ทวอทช์ ให้นักเรียนกลุ่มที่ 2 ที่รอเฉลยคำตอบอยู่ในห้องสอบ
ขบวนการโกงข้อสอบครั้งนี้ ถูกตรวจพบทั้งหมด 6 คน ประกอบไปด้วย นักเรียนที่ปลอมตัวเข้ามาถ่ายข้อสอบ 2 คน คนรับและส่งภาพไปยังติวเตอร์ 1 คน และนักเรียนรอรับคำตอบ 3 คน
หลังตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความมายังสมาร์ทวอทช์ ทั้ง 3 เครื่อง พบเป็นเบอร์โทรศัพท์เดียวกัน เป็นไปได้ว่าทั้ง 3 คนมีความเชื่อมโยงกับสถาบันกวดวิชาแห่งเดียวกัน
น่าสนใจว่า กลุ่มคนที่รอทำข้อสอบอยู่ภายนอกเป็นใคร และอาจต้องเป็นกลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญสามารถทำข้อสอบได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่า อาจมีหลายคน แบ่งกันทำข้อสอบเพื่อเฉลยคำตอบกลับไปในห้องสอบให้เร็วที่สุด
การสอบเข้าเรียนครั้งนี้ มีสถาบันกวดวิชาบางแห่ง ประกาศรับรองผลผ่าน 100% นักเรียนที่สมัคร ต้องจ่ายเงินก่อนประมาณ 50,000 บาท เพื่อจะได้รับนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ก่อนเข้าสอบ และหากสอบติดจะต้องจ่ายให้สถาบันกวดวิชาอีกประมาณ 800,000 บาท
ประเด็นใหญ่ของเรื่องนี้ แยกเป็น 2 ประเด็น หนึ่ง คือ เครื่องมือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้บันทึกภาพ และรับส่งข้อความเฉลยขอสอบ อีกหนึ่ง คือ ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของขบวนการโกงการสอบ กับ ข้อมูลที่พบ คือ สถาบันกวดวิชา
เมื่อได้รับเบาะแส เกี่ยวกับสถาบันกวดวิชา ทีมข่าวตรวจสอบในบริเวณมหาวิทยาลัย พบป้ายโฆษณาสถาบันกวดวิชา ติวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ และ เภสัชศาสตร์ การันตี 100 % จาก 2 สถาบัน กระจายอยู่โดยรอบมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งรายชื่อของ สถาบันกวดวิชา ตรงกับข้อมูลที่ ที่ ม.รังสิต บอกว่า ได้รับมาจากนักเรียนถูกจับได้ ที่สมัครเข้าร่วมกับสถาบันกวดวิชา 1 ใน 2 แห่งนี้
หลังจากมหาวิทยาลัยรังสิต ประกาศยกเลิกสอบครั้งนี้ ทีมข่าวตรวจพบว่า 1 ใน 2 สถาบันกวดวิชา โพสต์แถลงการณ์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กในวันเดียวกัน มีใจความว่า “ขอเป็นกำลังใจให้กับนักเรียนทุกคน และขอรณรงค์ไม่ให้นักเรียนทุกคนหลงเชื่อหรือคล้อยตามกับการทุจริตเด็ดขาด”
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นายปริญญา หอมเอนก เปิดเผยว่า การป้องกันอุปกรณ์ที่ส่งสัญญานโทรศัพท์ อย่างเช่นกรณีนี้ สามารถใช้เครื่องรบกวนสัญญาน ที่มีชื่อว่า “แจมเมอร์” ดักสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ให้ส่งข้อความเข้ามาภายในห้องสอบได้ เป็นวิธีสากลที่ใช้ห้องสอบหลายแห่งใช้ป้องกัน
อุปกรณ์ที่ใช้ทำงานลักษณะเดียวกันยังมีอีกหลายรูปแบบ ผู้ผลิตจะดัดแปลงสิ่งของให้มีฟังก์ชั่นเพิ่ม เช่น ระบบอัดเสียง ถ่ายภาพ หรือ รับสัญญานทางโทรศัพท์ ส่วนมากจะเป็นสิ่งของใกล้ตัวที่หลายคนคาดไม่ถึง เช่น ปากกาถ่ายรูป แฟลชไดร์ฟถ่ายรูป รีโมทรถดักฟัง ที่ชาร์ทแบทถ่ายภาพ กระป๋องน้ำอัดลมถ่ายภาพ เป็นต้น อุปกรณ์บางชนิดมีขนาดเล็ก หากไม่เข้มงวดอาจนำเข้าไปในห้องสอบได้
แต่ที่เห็นชัดและติดตัวนักเรียนเข้าไปในห้องสอบ คือนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ซึ่งเป็น ที่ทำงานเหมือนโทรศพท์สมาร์ทโฟน เชื่อมต่อสัญญานอินเทอร์เน็ต และรับส่งข้อมูลได้ทั้งทาง SMS และแอพพลิเคชั่นออนไลน์ต่างๆ เป็นอุปกรณ์ใหม่ ที่กลุ่มผู้คุมสอบจับตามองเป็นพิเศษอยู่แล้ว
แนวทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ มหาวิทยาลัยรังสิต กำหนดให้จัดสอบใหม่ ในวันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน ครั้งนี้กำหนดห้ามนักเรียนทุกคนนำอุปกรณ์ และเครื่องประดับ ทุกชนิดเข้าห้องสอบ ยกเว้นดินสอ 2b และยางลบเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก
ส่วนแนวทางการติดตาม สถาบันกวดวิชาที่โกงข้อสอบครั้งนี้ สามารถทำได้ด้วยวิธีตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความมายังนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ว่าผู้ลงทะเบียนเป็นใคร แต่หากข้อความที่ส่งมาใช้ระบบส่งอัตโนมัติจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องใช้เวลาตรวจสอบหลายขั้นตอน แต่ก็สามารถตรวจสอบได้
