รายงานจากสำนักงานตรวจสอบการทำงานของรัฐของสหรัฐอเมริกา หรือ จีเอโอ (GAO) ระบุว่า รถยนต์สมัยใหม่มีการติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายประเภทเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ แต่นั่นก็เป็นการเปิดช่องให้บรรดาแฮกเกอร์หันมาโจมตีรถยนต์ได้ด้วย และยิ่งซอฟต์แวร์รถยนต์มีจำนวนโค้ดคำสั่งในซอฟต์แวร์มากเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าของอาชญากรรมไซเบอร์ก็สูงขึ้นตามไปด้วย
ข้อมูลกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ ระบุว่า รถยนต์สมัยใหม่อาจมีโค้ดคำสั่งได้มากถึง 100 ล้านบรรทัด มากกว่าในเครื่องบินโบอิ้ง (Boeing) 787 ดรีมไลน์เนอร์ (Dreamliner) ถึง 15 เท่า
แฮกเกอร์อาจเจาะระบบผ่านตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ วิทยุ หรือระบบเชื่อมต่อไร้สาย หรือ ไวไฟ (Wi-Fi) และทำให้ระบบการทำงานขัดข้อง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น เครื่องยนต์ ระบบเบรก หรือแม้แต่ระบบควบคุมการขับขี่และป้องกันการเฉี่ยวชน (cruise control) ที่ตรวจจับสิ่งกีดขวางโดยใช้เซ็นเซอร์
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าววอชิงตันโพสต์ รายงานว่า อาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวกับรถยนต์อาจจะยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้ เนื่องจากยังเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต โดยขณะนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ ได้เริ่มทำงานร่วมกันเพื่อหาวิธีรับมือการก่ออาชญากรรมดังกล่าวแล้ว
สำหรับวิธีป้องกันรถยนต์จากอาชญากรรมไซเบอร์นั้น อาจทำได้โดยเข้ารหัสการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ ติดตั้งไฟร์วอลล์ซึ่งจะจำกัดการเชื่อมต่อข้อมูลในระบบทันทีเมื่อมีระบบใดระบบหนึ่งถูกเจาะ อย่างไรก็ตาม วิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้จะใช้ได้เฉพาะกับรถยนต์รุ่นใหม่เท่านั้น ทำให้รถจำนวนมากมายซึ่งเป็นรถรุ่นเก่ายังคงมีความเสี่ยงอยู่