“นักเกรียนสวนกุหลาบ” เปิดหลักฐาน อาจารย์ ซื้อบริการเด็ก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คำให้การของอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเมื่อวานนี้ ยืนยันว่า แม้ตัวเขาจะมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ และมีความผิดที่โพสต์ภาพและคลิปลงในสื่อสังคมออนไลน์ แต่เป็นเพียงการซื้อบริการและไม่เคยร่วมเพศกับเยาวชน แต่ล่าสุด แอดมินเพจนักเกรียนสวนกุหลาบ โพสต์เปิดหลักฐานใหม่ที่อ้างว่า เป็นข้อความที่อาจารย์รายนี้ ทราบว่า กำลังขอร่วมเพศกับเด็กอายุต่ำกว่า18ปี

วันนี้ (12 มิ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟชบุ๊คนักเกรียนสวนกุหลาบ ซึ่งเป็นต้นทางที่แฉพฤติกรรมอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยคนหนึ่ง ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแพร่ภาพลามกอนาจารการมีเพศสัมพันธ์ชายรักชาย ลงในสื่อสังคมออนไลน์

ล่าสุดโพสต์หลักฐานเป็นบทสนทนาผ่านกล่องข้อความในทวิตเตอร์ของอาจารย์รายนี้ กับบุคคลที่พิมพ์ข้อความตอบกลับ เพื่อทำให้เห็นว่า อาจารย์คนนี้ ทราบว่า กำลังคุยกับนักเรียนอายุ 17 ปี โดยเนื้อหาการพูดคุยเป็นการนัดพบกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย โดยเริ่มจากนัดที่สะพานพุทธ ก่อนจะเปลี่ยนสถานที่เป็นห้างเทอร์มินอล 21 ซึ่งในบทสนทนา บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นนักเรียน ระบุชัดเจนว่าตนเองอายุ 17 ปี และบางข้อความระบุว่า ขณะที่พูดคุยและกำลังจะนัดเจอกันยังสวมใส่ชุดนักเรียนอยู่ แต่อาจารย์ ที่เป็นผู้ต้องหา พูดคุยต่อโดยไม่สนใจ พร้อมทั้งเรียกร้องขอมีเพศสัมพันธ์กับคู่สนทนาด้วย
แต่จากบทสนทนาพบว่าการนัดเจอกันครั้งนั้นไม่เป็นผล เพราะ คนที่อ้างตัวว่าเป็นนักเรียนเปลี่ยนใจยกเลิกการนัดเจอ แต่ในหลักฐานที่เพจนักเกรียนสวนกุหลาบโพสต์ มีภาพบุคคลที่มีลักษณะคล้ายอาจารย์คนดังกล่าวปรากฎตัวที่จุดนัดพบด้วย



ซึ่งข้อมูลทั้งหมดแอดมินเพจนักเกรียนสวนกุหลาบ ระบุว่า เพื่อยืนยันว่า แอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่โพสต์ภาพอนาจารย์ คือ แอคเคาท์ของอาจารย์รายนี้จริง และยังเป็นแอคเคาท์ที่ใช้งานเป็นประจำ ไม่ใช่แอคเคาท์ที่ใช้ร่วมกับคนอื่นตามที่ให้การไว้กับตำรวจ

ทีมข่าวPPTV ตรวจสอบกับแอดมินเพจ พบว่า ข้อมูลหลักฐานเหล่านี้และหลักฐานอื่นๆที่รวบรวมไว้ ถูกนำส่งให้ตำรวจตรวจสอบแล้ว ส่วนกระบวนการสอบสวน ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาทั้ง 3 เครื่อง เพื่อตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด

ล่าสุดนายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้สั่งให้ครูชายคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ สพม.1 และตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง หากผลการสืบฯ สรุปว่ามีความผิดจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป ซึ่งกรณีนี้โทษถึงขั้นปลดออกจากราชการ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ