แกะรอย! สมุนไพรรักษา "พิษงู" วัดหนองหอย (คลิป)


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ข่าวโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย เหตุชายถูกงูกัดที่บริเวณก้นขณะกำลังทำธุระในห้องน้ำ จากนั้นเจ้าตัวได้ร้องขอให้นำตัวส่งไปรักษาที่วัดหนองหอย หลังจากที่ได้รับการรักษาเจ้าตัวได้หายจากอาการเจ็บปวดจากพิษงูและลุกเดินเหินได้ตามปกติ อีกทั้งชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวยังยืนยันวัดแห่งนี้สามารถรักษาพิษงูได้จริง

ข่าวโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดียเมื่อประมาน 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า นายอำพร แจ้งสิน ได้ถูกงูฉกเข้าที่บริเวณก้น จากนั้นเขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ผบ.หมู่ ร้อย ตชด. 147 หัวหน้าฐานบ้านช่องชี ตำบลชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังตรวจสอบพบว่าเป็นแผลจากเขี้ยวงูสองเขี้ยว เบื้องต้น ตชด.จะนำตัวลุงอำพรส่งโรงพยาบาลทับสะแก แต่กลับได้รับการปฏิเสธ พร้อมแจ้งว่าต้องการที่จะไปวัดหนองหอยเพื่อให้เจ้าอาวาธถอนพิษงูออกให้ เจ้าหน้าที่จึงได้พาเขาไปที่วัดตามที่ต้องการ ทั้งนี้เมื่อไปถึงวัดก็ได้เจอกับ พระอาจารย์สมพงษ์ อัคคปัญโญ (หลวงพ่อพงษ์) เจ้าอาวาสวัดหนองหอย ท่านได้ทำการรักษาตามวิธีของท่านทันทีโดยการใช้เข็มชุบน้ำยาสมุนไพรสักเข้าไปที่แผล หลังสักเข้าไปเพียงครู่เดียวเท่านั้นก็จะมีน้ำสีดำไหลออกมาจากแผล โดยชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพิษของงูที่ไหลออกมา หลังจากนั้นก็จะใช้สมุนไพรดูดซับพิษของงูออก และให้นอนพักประมานครึ่งชั่วโมง ไม่น่าเชื่อ ตัวน้ำยาสมุนไพรนั้นสามารถทำให้นายอำพรหายจากอาการปวดอย่างชะงักงัน!! พร้อมลุกเหินเดินได้ตามปกติ

ทีมนิวมีเดีย PPTV ลงสำรวจพื้นที่บริเวณตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่ารก ชาวบ้านส่วนมากจะประกอบอาชีพทำสวนมะพร้าว สวนยาง จึงมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับงูอยู่บ่อยครั้ง และหากไม่ทันระวังตัวก็จะถูกงูกัด ภายหลังจากการสอบถาม นางสนิท โพธิปิติ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น เปิดเผยว่า เมื่อชาวบ้านแถวนี้ถูกงูกัดจะไปหาหลวงพ่อพงษ์กันแทบทุกคน ไม่ว่าจะโดนงูประเภทไหนกัด ก็ไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องนำตัวงูไปด้วย อย่างไรก็ตามนี่คือสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเลือกไปวัดดังกล่าว

โดยวัดแห่งนี้มีชื่อว่าวัด “อ่างสุวรรณ” หรือ “วัดหนองหอย” ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหอย ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยพื้นที่ของวัดแห่งนี้จะมีผู้คนเดินทางมารักษาจริงตามที่มีข่าว ทั้งนี้นายมาโนช ไทรบัวแก้ว ผู้ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในบริเวณวัด เปิดเผยว่า จากที่ค้าขายอยู่ที่นี่มานาน เห็นว่ามีคนเดินทางมาที่วัดนี้เพื่อทำบุญทางศาสนาปกติเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็จะมีชาวบ้านที่เมื่อถูกงูกัดหรือสัตว์มีพิษทำร้าย ก็จะมาหาหลวงพ่อเพื่อให้ท่านถอนพิษให้ และแทบทุกรายที่มารักษากับท่าน จะหายจากอาการเจ็บป่วย

หลังทีมนิวมีเดียได้ลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้พบว่าสาเหตุที่ชาวบ้านเลือกไปหาหลวงพ่อพงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองหอย เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่าหลวงพ่อพงษ์สามารถรักษาพิษงูได้ด้วยสมุนไพร อีกทั้งยังไม่ต้องนำงูมาด้วย ซึ่งเมื่อใครถูกงูหรือสัตว์มีพิษกัดก็จะมาหาหลวงพ่อพงษ์ทุกครั้ง โดยชาวบ้านยืนยันว่าเมื่อถูกงูกัดแล้วไปหาหลวงพ่อพงษ์เอาพิษของงูออกหลังโดนกัดทันที จะหายจากอาการปวดและไม่มีอาการใดๆ อีกเลย อีกทั้งยังมีการยืนยันกันอีกหลายเสียงด้วยว่าไม่เคยมีใครที่ไปรักษากับท่านแล้วไม่หาย

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทางเราไปสอบถามกับทางโรงพยาบาลทับสะแก กลับได้ข้อมูลจากนางพยาบาลคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามว่าทางโรงพยาบาลไม่ทราบเรื่องที่วัดดังกล่าวนั้นสามารถรักษาเมื่อคนถูกงูกัดหายได้ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พร้อมยืนยันว่ายังมีชาวบ้านที่ถูกงูกัดมารักษากับทางโรงพยาบาลทับสะแกตามปกติ แต่ทว่าทางโรงพยาบาลไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของคนไข้ให้กับทีมนิวมีเดียทราบได้

แน่นอนว่าเพื่อคลี่คลายความสงสัยนี้ ทางทีมนิวมีเดียจึงได้นำสมุนไพรดังกล่าวที่หลวงพ่อพงษ์วัดหนองหอยใช้เป็นตัวยารักษาบาดแผลจากการถูกงูกัดกลับมา เพื่อให้ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกช่วยตรวจสอบสรรพคุณของสมุนไพร หลังจากทางกรมกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ได้สัมผัสสมุนไพรชนิดนี้แล้วได้ชี้แจงว่ายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสมุนไพรชนิดใด เนื่องจากการที่จะยืนยันตัวสมุนไพรได้นั้นต้องดูองค์ประกอบที่ครบถ้วนจึงจะยืนยันได้ โดยนางเสาวณีย์ กุลสมบูรณ์ ผู้อำนวยการกองการแพทย์พื้นบ้าน ชี้แจงว่า "เพื่อที่จะยืนยันสมุนไพรดังกล่าวทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบต่อไป"

ขณะที่ สพ.ญ.ดร.ลาวัณย์ จันทร์โฮม หัวหน้าสวนงู สถานเสาวภา ให้ข้อมูลว่า โดยธรรมชาติของงูพิษ เมื่อกัดเหยื่อจะมีการปล่อยน้ำพิษออกมาแล้วซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งหากถูกงูกัด ควรใช้วิธีการกดทับบริเวณแผลและพันผ้ายางยืด เพื่อประคองอวัยวะส่วนที่ถูกกัดให้ลดการเคลื่อนไหวเพื่อลดการดูดซึมพิษเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ให้น้อยที่สุดก่อนนำส่งแพทย์ อีกทั้งการกรีด ดูด หรือเจาะ โดยเฉพาะกลุ่มงูที่มีผลต่อระบบโลหิต เช่น งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ จะทำให้เกิดอาการรุนแรงที่บริเวณที่ถูกกัด เพราะพิษของงูกลุ่มนี้เมื่อมีการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของบริเวณที่ถูกกัด จะพัฒนาต่อไปเป็นอาการเนื้อตาย หรือกล้ามเนื้อตาย หรือบริเวณเนื้อเยื่อตาย

ส่วนการนำงูมาด้วยหลังจากถูกกัดนั้น "ช่วงหลังสถานเสาวภาจะไม่ค่อยให้คำแนะนำในลักษณะนั้น โดยจะแนะนำให้รีบทำความสะอาดบาดแผล ปฐมพยาบาลให้ถูกต้องและเร็วที่สุด พร้อมนำส่งสถานพยาบาล ยกเว้นกรณีที่ตีตาย จับได้ และสะดวกในการนำมาก็นำมาด้วย แต่หากไม่พบงู เพราะถูกกัดในบริเวณที่มืด หรืองูหนีไปได้นั้น ไม่แนะนำให้พยายามหา เพราะหากมัวแต่หางูอยู่นั้นจะทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปพบแพทย์รวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกายหรือตื่นเต้น ยิ่งจะทำให้พิษงูเข้าสู่ระบบต่างๆ ของร่างกายได้เร็วขึ้น"  สพ.ญ.ดร.ลาวัณย์ กล่าว

Content : สุทัตตา ศักดิ์เสรีชัยกุล

Producer/Editing: บุญญานันท์ คำโพธิ์ทอง

PPTV Photo : ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ