เวียดนาม-ไทยหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ยิ่งใหญ่


โดย PPTV Online

เผยแพร่




วันที่ 6 สิงหาคม เป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม จากการเป็นคู่อริตัวยงในอดีต ตอนนี้กลายมาเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในพื้นแผ่นดินใหญ่ในเอเชียอาคเนย์

วันนี้เวียดนามมีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจที่เหนือกว่าไทยมาก เนื่องจากมีข้อตกลงการค้าเสรีมากถึง 16 ประเทศ อีกไม่นานจะเซ็นกับอีก 6 ประเทศ ที่น่าสนใจคือเวียดนามเป็นประเทศผู้ร่วมเซ็นข้อตกลงการค้าเสรีในเอเชียและแปซิฟิก (Trans Pacific Partnership or TPP) 12 ประเทศแรก และยังเป็นสมาชิกอาเซียนแรกที่เซ็นเขตการค้าเสรีกับยูเรเซีย (Eurasia Free Trade Union)

จะเข้าใจวิวัฒนาการสายสัมพันธ์ไทย-เวียดนามต้องศึกษาประวัติศาสตร์ทั้งสองประเทศที่เต็มไปด้วยเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการต่อสู้อิสระภาพของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนามคือประธานาธิบดีโฮจิมินห์ และสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำไทยคือท่านปรีดี พนมยงค์ ในช่วงที่เข้ามาอาศัยอยู่ในภาคอีสานระหว่างปี 1928-1929 ในเมืองไทย

ขณะนั้นคนไทยรู้จักท่านในนามของ “เฒ่าจีน” ในขณะที่พำนักในเมืองไทย ท่านและสมาชิกกู้ชาติทั้งหลายได้รับการดูแลและปกป้องจากคนไทยและรัฐบาลไทยเป็นอย่างดี ความรู้สึกอันเหนียวแน่นระหว่างผู้นำและประชาชนของสองประเทศนี้ได้กลายเป็นพื้นฐานอันแข็งแกร่งในการสร้างพลังขับเคลื่อนความร่วมมือให้รุดหน้าอย่างต่อเนื่องในสมัยปัจจุบัน

ก่อนมีข้อตกลงสันติภาพกัมพูชาในปี1992 ที่กรุงปารีส ไทยยังมีความระแวงอยู่และยังเห็นเวียดนามเป็นภัยคอมมิวนิสต์ ถึงแม้นว่าจะมีการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตในปีเดือนสิงหาคมในปี 1976 สัมพันธไมตรีระหว่างประเทศหลังเปิดสถานทูตนั้นขึ้น ๆ ลง ๆ เนื่องจากสงครามในกัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 13 ปีในการหาข้อยุติ

ต้องพูดความจริงว่า ทั้งสองประเทศตอนนี้ไม่มีปัญหาทวิภาคีที่ทำให้ปวดหัวเหมือนกับเพื่อนบ้านอื่นๆ สัมพันธ์ไทย-เวียดนามดีมากๆ กว่าทุกประเทศในอาเซียน ขณะนี้ สำหรับคนไทยและประเทศไทยเวียดนามกำลังเป็นเสมือนม้าเร็วมีพลัง ในขณะเดียวกันผู้นำเวียดนามมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนต้องการเห็นประเทศมีรายได้ระดับกลางให้ได้ ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ฉะนั้นในองค์รวมศักยภาพของเศรษฐกิจเวียดนามในเวทีการค้าโลกนั้นสูงกว่าไทย ฉะนั้นสองประเทศนี้ต้องร่วมมือกันให้มากทั้งในกรอบทวิภาคี และยังสามารถพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจทั้งในกรอบอาเซียนและเวทีอนุภูมิภาคต่างๆ

ปีนี้พิเศษ มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีสัมพันธ์การทูตไทย-เวียดนาม เป็นโอกาสดีที่ผู้นำทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความร่วมมือในรูปแบบใหม่ ที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคและการเมืองโลก รวมทั้งความร่วมมือในระดับสถาบันต่างๆ และภาคประชาชน

ในฐานะที่ไทยและเวียดนามมีจำนวนประชากรในระดับพอๆ กันคือ  67 ล้านคนกับ 90 ล้านคน และมีพื้นที่ประเทศขนาดพอๆ กัน ถึงแม้ว่าเวียดนามจะมีประชาชนและพื้นที่ใหญ่กว่าไทย ทั้งคู่เห็นความสำคัญของการร่วมมือทางด้านยุทธศาสตร์เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมด้านนี้ให้มีความสมดุลย์และมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้มหาอำนาจใดๆ เข้ามาครอบครองความเป็นเจ้าในภูมิภาค ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่าอาเซียนต้องรักษาความเป็นแกนกลางให้ดี

ทั้งสองประเทศเข้าใจประเด็นนี้ได้ดี จึงไม่แปลกที่ผ่านมา เวียดนามและไทยได้ร่วมมือช่วยกันในประเด็นการพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองคือลาวและกัมพูชา ทั้งสองประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันใกล้ชิดกับไทยและเวียดนาม จึงมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือเสริมสร้างความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของลาวและกัมพูชาเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแบบบูรณาการ

เวียดนามมีสัมพันธ์พิเศษกับกัมพูชาและลาว เพราะเคยมีระบอบการเมืองเหมือนกัน ที่ผ่านมากัมพูชามักมีเรื่องทะเลาะกับเวียดนามในปัญหาเขตแดนและสถานะภาพชาวเวียดนามโพ้นทะเลอาศัยอยู่ในกัมพูชา แต่ขณะนี้มีสัมพันธ์ที่ดีมาก

มิตรภาพกับลาว-เวียดนามในยุคสมัยผู้นำใหม่ดีขึ้นกว่าเดิม ลาวมีสัมพันธ์ที่ดีกับจีนเช่นกัน ซึ่งได้กลายประเทศทางเลือกทั้งการทูตและเศรษฐกิจพร้อมเงินช่วยเหลือมากมาย ในนครเวียงจันทน์ นักลงทุนจีนเริ่มชยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว

ส่วนไทยนั้นรู้กันดี สัมพันธ์กับกัมพูชามีลักษณะที่คล้ายกับสัมพันธ์เวียดนามกับกัมพูชา มักตกเป็นจำเลยการเมืองภายในกัมพูชาที่ชอบหยิบยกเอาเรื่องการปักปันชายแดนมาเป็นประเด็นหลัก ในการต่อรอง

ส่วนเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ เวียดนามชื่นชมบทบาทไทยในฐานะเป็นผู้ประสานงานสัมพันธ์อาเซียน-จีน เมื่อสองปีที่แล้วทำให้การเจรากับจีนเป็นไปด้วยดี เพื่อให้บรรลุถึงร่างแผนปฎิบัติงานในทะเลจีนใต้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ทั้งสองฝ่ายให้ความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงด้วย

ประเด็นการเชื่อมโยงทั้งสองประเทศสำคัญมาก ต้องผ่านลาวและกัมพูชา ทั้งทางบกและการเดินเรือเลาะตามชายฝั่งทะเลกำลังเป็นเรื่องเร่งด่วน

ทางด้านค้า โอกาสที่จะเพิ่มปริมาณมีมาก ทั้งสองฝ่ายคาดไว้ว่าคุณค่าสินค้าในปี2020 อาจจะสูงขึ้นถึงระดับ สองหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หมายความว่าต้องซื้อขายและลงทุนมากกว่านี้ และบริษัทไทยต้องเข้าไปลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ขณะนี้บริษัทพีทีทีและบริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นเนลมีการลงทุนและร่วมพัฒนาพลังงาน

โดยสรุปสัมพันธ์ไทย-เวียดนามยังมีศักยภาพอีกมาก รัฐบาลทั้งสองต้องเพิ่มความมุ่งมั่นทางด้านการเมืองมากขึ้นเพื่อกระชับความร่วมมือทั้งในกรอบทวิภาคีและอาเซียนมากขึ้น

 

AFP Photo / HOANG DINH NAM

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ