นางระดม มัทธุจัดและน.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย แม่และน้องสาวของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญที่ยังหลบหนีคดียักยอกทรัพย์เงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ตามหมายเรียกเพื่อชี้แจงที่มาของที่ดินและทรัพย์สิน
นางระดม อ้างว่า หลังจากเรื่องนี้ปรากฎเป็นข่าวยังไม่สามารถติดต่อกับนายกิตติศักดิ์ ได้ ส่วนทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ก็มีเพียงโฉนดที่ดินเพียงบางส่วนเท่านั้น และได้นำหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้
และที่ผ่านมานายกิตติศักดิ์ ก็เคยส่งเงินมาให้ซื้อที่ดินจริง และสาเหตุที่ใช้ชื่อของมารดาถือครองที่ดินเพราะบุตรชายไม่มีครอบครัวก็เลยให้เป็นชื่อของมารดา โดยไม่เชื่อว่านายกิตติศักดิ์ จะกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะที่ผ่านมานายกิตติศักดิ์ ก็ขยันทำงานจนตั้งตัวได้ และเลี้ยงดูครอบครัวอย่างดีมาโดยตลอด
พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรีรักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดฐานฟอกเงินกับ นางระดม เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่านางระดม ได้รับเงินจากนายกิตติศักดิ์ และไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ ก่อนคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้
ขณะที่น.ส.วรวรรณ สุวรรณกูฎ ผู้อำนวยการฝ่ายนิติกร ของ สจล. พร้อมคณะนำเอกสารการเงินที่ทางสถาบันตรวจสอบพบว่ามีเงินในบัญชีของสถาบันสูญหายไปอีกกว่า 100 ล้านบาท ในช่วงปี 2555 มอบให้พนักงานสืบสวนกองปราบปราม รวบรวมไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีและเพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวน ซึ่งในขณะนี้ยอดรวมของเงิน สจล. ที่สูญหายไปมากกว่า 1500 ล้านบาท
พ.ต.อ. ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม บอกว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้ขอเลื่อนเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน และในวันพรุ่งนี้จะเชิญเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อสอบถามผลการสอบสวนนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สายาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ เรื่องความบกพร่องในหน้าที่หรือการทุจริตระหว่างทำงานอยู่ที่ธนาคารไทพาณิชย์ด้วย
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนเตรียมเชิญนาย ถวิล พึ่งมา อดีตอธิบดี สจล.มาให้ข้อมูลเป็นครั้งที่ 3 เพื่อชี้แจงถึงทรัพย์สินที่นายถวิลครอบครองอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มอีก 1 คน คือ นายสุรภพ ตั้งประดิษฐ์ เนื่องจากพบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีของ สจล.จากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์เข้าบัญชี นายสุรภพ 6,200,000 บาท
ส่วนการสอบสวนคดีนี้มีความคืบหน้าถึงร้อยละ 70 และคาดว่าจะสรุปสำนวนส่งอัยการได้ในช่วงเดือนมีนาคมนี้