วันนี้ (3 พ.ย. 59) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท เฟซบุ๊ก อิงค์ รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นถึง 55.8% เนื่องจากรายได้จากโฆษณาบนมือถือทะยานสูงขึ้น พลิกความคาดหมายของนักวิเคราะห์ โดยรายได้ในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่าเกือบ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจำนวนนี้คิดเป็นรายได้จากโฆษณาบนมือถือราวร้อยละ 84 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 78 เมื่อปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย FactSet Street Account ได้คาดการณ์ไว้ว่ารายได้รวมของเฟซบุ๊กน่าจะอยู่ที่ 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่หุ้นของเฟซบุ๊กบวก 1% แตะที่ 128.35 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เปิดตลาด
ปัจจุบันมีผู้เล่นเฟสบุ๊คผ่านมือถือมากกว่า 90% และผู้ใช้มือถือในแต่ละวันเพิ่มขึ้น 22% เป็น 1,090 ล้านคน ขณะที่ในแต่ละเดือน จะมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเกือบ 18,000 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 16%
ทั่วโลกเข้าเว็บผ่านมือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก
ขณะเดียวกัน บริษัทรวบรวมสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก หรือ StatCounter เปิดเผยว่า จากสถิติเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พบการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์บนสมาร์ทโฟนแซงหน้าการใช้งานบนคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก โดยคิดเป็น 51.3 ต่อ 48.7 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้จากข้อมูลยังพบว่า การใช้งานท่องเว็บผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile web browsing เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ขณะที่การเข้าถึงเว็บไซต์จากคอมพิวเตอร์ค่อยๆ ลดลงทีละน้อย ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เป็นเปลี่ยนแปลงไป สอดคล้องกับฟังชั่นบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ที่สามารถค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตจากหน้าจอหลักได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
และหากพิจารณาจากยอดขายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ลดลงทุกปี ในขณะที่ยอดขายสมาร์ทโฟนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงคาดเดาได้ว่า ในอนาคตจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านสมาร์ทโฟนจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะมีผู้คนในหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ที่ยังนิยมเข้าเว็บไซต์จากคอมพิวเตอร์มากกว่าก็ตาม
