วันนี้ (10 พ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนยังมีความกังวลต่อนนโยบายการค้าเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนแปลงและหวือหวามากขึ้น แต่เชื่อว่าทรัมป์เป็นนักธุรกิจพ่อค้ามาก่อน การกำหนดนโยบาย ไม่ได้มองเพียงด้านเดียว ดังนั้น ปัญหาที่เป็นความขัดแย้งในบางเรื่อง คนเคยทำธุรกิจ อาจจะหาทางคิดหนทางแก้ปัญหาที่เป็นความคิดริเริ่มแบบใหม่ แม้จะมองผลประโยชน์ของคนอเมริกันเป็นหลัก
โดยคุณอิสระ บอกว่า ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับปรุงตนเองให้มีความเข้มแข็ง หากสหรัฐจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า คงจะดำเนินการแบบค่อยๆเปลี่ยน พร้อมกับหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น แอฟริกา อิหร่าน ปากีสถาน
ส่วนการจะยกเลิกทีพีพีหรือไม่นั้น ไทยคงไม่ต้องกังวลเรื่องทีพีพี เพราะทรัมป์ประกาศแล้วว่าจะไม่สนับสนุนทีพีพี ทุกอย่างก็เหมือนเดิม และการค้า การส่งออก ยังคงดำเนินไปตามปกติ ส่วนตัวเห็นว่าคงยากที่สหรัฐฯ จะไม่ซื้อของจากไทย หรือปิดประตูขังตัวเอง และไทยส่งออกไปสหรัฐฯเพียง 10% เท่านั้น มองว่าไม่น่าจะกระทบต่อการส่งออกไทยมากนัก
ด้านนายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องติดตามนโยบายที่เคยหาเสียงอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการดำเนินในเรื่องใดที่มีความชัดเจนบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายด้านความมั่นคง ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่น และการค้าการลงทุนกับประเทศต่างๆ ทั้งนี้ ส่วนตัวประเมินเบื้องต้นว่านโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะเศรษฐกิจสหรัฐยังไปได้
สำหรับนโยบายความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ ทีพีพี เชื่อว่าสหรัฐคงจะประกาศยกเลิกในที่สุด ขณะที่การค้าและการส่งออกของไทยไม่ได้ไม่เสีย เพราะผู้ประกอบการส่งออกของไทยได้มีการปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกมาแล้วพอสมควร มีการกระจายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อกระจายความเสี่ยง ผิดจากก่อนหน้านี้ที่ไทยต้องทบทวนข้อดีข้อเสียในการเข้าร่วมทีพีพี จนมีความกังวลว่าหากไม่เข้าร่วมจะมีข้อเสียมากกว่า