วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็น “วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ” นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จมาเปิดสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ในวันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2511 เป็นต้นมา
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรมของเซลล์ในร่างกาย ส่งผลทำให้เซลล์เจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วในปริมาณมากกว่าปกติ ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะเรียกชื่อ มะเร็ง ตามอวัยวะนั้น เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
สถานการณ์โรคมะเร็งในประเทศไทยจากสถิติพบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 รองลงมา คือ อุบัติเหตุ และโรคหัวใจ ซึ่งข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขยังพบว่าคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 60,000 คนต่อปีหรือเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 7 ราย
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งมากจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม เป็นต้น รวมถึงการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด และปัจจัยจากภายในร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันและภาวะทุพโภชนา เป็นต้น
ด้าน นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า โรคมะเร็งถึงแม้จะเป็นโรคร้าย แต่เราสามารถปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ด้วยการเลือกทานอาหารมีประโยชน์ หลากหลาย ผักผลไม้ ตรวจร่างกายเป็นประจำ ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเซ็กซ์มั่ว ไม่มัวเมาสุรา ไม่ตากแดดจ้า ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ หลีกเลี่ยงการรับมลพิษจากรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรมและในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษ หากมีความจำเป็นต้องสัมผัสสารพิษหรือสารเคมีควรปฏิบัติตามกฎข้อบังคับหรือคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการได้รับแสงแดดมากเกินไป
ทั้งนี้ ควรลดความเครียด พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินมาตรฐาน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิด และควรตรวจหามะเร็งระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมสามารถตรวจได้แม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้