ร่องรอยพังยับเยินจากแรงกระแทกของรถบัส 2 ชั้น คันนี้ ไม่เพียงเตือนใจ ผู้ผ่านมาพบเห็นตลอดเกือบ 1 ปีเต็ม ที่ถูกเคลื่อนย้ายมาจอดไว้หน้า สถานีตำรวจภูธรอำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง แต่เรื่องราวเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ ยังเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และปริศนาคาใจผู้สูญเสีย
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นผลพวงให้หญิงคนนี้ ต้องผลัดพรากกับสามีไปตลอดกาล สำนวนของตำรวจที่สรุปสาเหตุอุบัติเหตุวันนั้นว่าเกิดขึ้นเพราะคนขับหลับใน ยังไม่ช้ำใจเท่า เมื่อเธอรับรู้ว่า รถร่วมบริการ บขส. คันที่สามีเธอโดยสารมา มีสถานะเป็นรถบัส 2 ชั้นเถื่อน เพราะประกอบขึ้นและนำทะเบียนคันอื่นมาสวมโดยไม่ผ่านการจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก นั่นทำให้สิทธิที่ครอบครัวเธอ จะได้รับการเยียวยาจากการสูญเสียเสาหลักถูกจำกัด
วันนี้เธอต้องเลี้ยงลูก 3 คน เพียงลำพัง และยังคงขออาศัยบ้านญาติสามีในจังหวัดลำพูน แม้แต่ละวันเธอต้องทำงานหนักขึ้นเป็นเท่าตัว เพื่อให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย แต่ตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา เธอต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่ง สืบค้นข้อเท็จจริงของอุบัติเหตุครั้งนั้น และเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรม โดยมีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยเหลือ น่าตกใจ เมื่อเธอพบข้อมูลว่า รถคันเกิดเหตุ จดทะเบียนไว้ 34 ที่นั่ง แต่ปรากฎที่นั่งจริง 50 และตัวถึงก็เป็นของอีกคันหนึ่ง
นอกจากข้อสงสัยที่ว่าหน่วยงานรัฐที่กำกับ ปล่อยรถลักษณะนี้ออกมาวิ่งได้อย่างไร ข้อเท็จจริงที่อาจใช้ต่อสู้คดีได้ ก็ยังไม่เคยปรากฎชัดว่า ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้อุบัติเหตุรุนแรงถึง และเป็นสาเหตุให้สามีเธอต้องจากไปหรือไม่
ความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในรถบัส 2 ชั้น ยังคงมีอัตราที่สูง ศูนย์วิจัยอุบัติแห่งประเทศไทย สำรวจการเกิดอุบัติเหตุในรถสาธารณะต่อ 1 หมื่นคันในไทย พบว่า รถตู้มีความเสี่ยงมากกว่า รถบัสชั้นเดียว 2 เท่า แต่รถบัส 2 ชั้น เสี่ยงมากกว่า บัสชั้นเดียวถึง 6 เท่า
สุรลักษณ์ ตั้งจุจิวัฒนชัย ถ่ายภาพ
อรอุษา พรมอ๊อด รายงาน