สำนักข่าวบลูมเบิร์กประเมินผลงานผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนที่เป็นที่จับตามอง ในปีที่ผ่านมา พร้อมระบุถึงความท้าทายในปี 2017 เริ่มจากอินโดนีเซีย ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ด้วยวัย 55 ปี เป็นผู้นำที่ถือได้ว่ามีอำนาจในหมู่นักการเมืองอินโดนีเซียด้วยกัน ภาพลักษณ์ที่เป็นคนติดดิน ประกอบกับประสบการณ์จากที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา รวมถึงการสนับสนุนของ ส.ส. กว่า 1 ใน 3 ช่วยให้เขามีผลงานที่เป็นรูปเป็นร่าง ทั้งการผลักดันร่างกฏหมายนิรโทษกรรมทางภาษีฉบับปรับปรุง และการระดมทุนให้กับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
ซึ่งในปี 2017 นี้ โจโกวี จะต้องเดินหน้าผลักดันแผนสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศต่อ ขณะเดียวกันก็ต้องจับตามองผลการพิจารณาคดีหมิ่นศาสนาอิสลามของ นายบาซูกิ ซาฮาจา ปูร์นามา ผู้ว่าฯ กรุงจาการ์ตาคนแรกที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นคนสนิทขอโจโกวีด้วย ว่าจะออกมาในรูปแบบใด
ขณะที่ทางด้านของมาเลเซีย นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ถือเป็นผู้นำในกลุ่มชาติสมาชิกอาเซียนที่เผชิญมรสุมข่าวฉาวมากที่สุด จากการถูกโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตกองทุนพัฒนาประเทศ 1MDB วงเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง นายนาจิบได้ ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวที่ถูกดำเนินคดีจากการตั้งคำถามในเรื่องนี้ไปไม่น้อย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ในปีนี้ ผู้นำมาเลเซียจะต้องเผชิญกับปัญหาอีกไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขาดดุลการคลัง และค่าเงินริงกิตที่ร่วงหนักในช่วงปลายปีจากกระแสข่าวทุจริตกองทุน 1MDB
แต่ผู้นำอาเซียนที่โลกจับตามองมากที่สุด คงไม่พ้นมือปราบปืนโหดแห่งเมืองดาเวา ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ที่แม้ว่านโยบายสงครามกวาดล้างยาเสพติดของเขาจะถูกชาติตะวันตกประณาม จากที่มีการสังหารผู้ต้องสงสัยไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย แต่ความนิยมภายในประเทศของผู้นำฟิลิปปินส์คนนี้ก็ยังคงสูงลิ่ว
นอกจากนี้ ดูเตอร์เต ยังกลายเป็นผู้ที่เปลี่ยนสมดุลความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย จากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับจีน พร้อมกับท้าทายบทบาทของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม แม้ชาวฟิลิปปินส์หนุนหลัง แต่ ดูเตอร์เต ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องจัดการ ได้แก่ แรงต้านจากภาคเอกชนและกองทัพ ที่ได้รับผลกระทบของนโยบายปราบยาเสพติดที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อาจจะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
