วันนี้ (4 มี.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะไม่ใช่พื้นที่เป้าหมายในการเข้าค้นวัดพระธรรมกาย แต่ต้องย้ำว่าที่ตลาดกลางคลองหลวงมีมวลชนพยายามเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ข้อต่อรองหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาการขอรื้อเต็นท์ ขอให้พระภิกษุออกจากพื้นที่ ไม่สำเร็จจนถึงทุกวันนี้ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเน้นแนวทางปฏิบัติการอย่างละมุนละม่อม ไม่ให้เกิดการปะทะ ล่าสุดเจ้าหน้าที่เปิดยุทธวิธี ใช้ข้อกฎหมาย เพื่อกดดันให้มวลชนให้ออกจากพื้นที่ โดยเริ่มที่กลุ่ม “พระ” ให้กลับไปจำวัดที่ภูมิลำเนา
ป้ายที่ลงลายมือชื่อ พระเทพรัจนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถูกนำมาติดรอบตลาดกลางคลองหลวง พื้นที่ที่มีมวลชนของวัดพระธรรมกายมาปักหลักอยู่ ทั้งพระและลูกศิษย์
ป้ายนี้ มีเป้าหมายเน้นไปที่ “พระ” โดยมีเนื้อหาว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ขอความร่วมมือให้พระภิกษุออกจากพื้นที่ ไปปฏิบัติศาสนกิจในวัดต้นสังกัด
น่าสนใจว่าการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่วันนี้ไม่มีมวลชนมาขัดขวาง นั่นอาจเป็นเพราะว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษพยายามย้ำว่าถ้าใครขัดขวาง ยุยงปลุกปั่น จะมีความผิดทันที ฐานขัดคำสั่งมาตรา 44
โดยเรื่องนี้สอดคล้องกับ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กล่าวว่า ตอนนี้ปฎิบัติการขอคืนพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง จะเน้นไปที่พระภิกษุก่อนเป็นอย่างแรก เพราะมองว่าหากพระสงฆ์ออกจากพื้นที่ มวลชนก็จะออกตาม
อย่างไรก็ตามสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาที่ตลาดกลางคลองหลวงอีกครั้งด้วยในวันนี้ แต่ดูเหมือนว่าการเจรจาขอให้พระภิกษุออกจากพื้นที่ตลาดยังไม่เป็นผล เมื่อพระอิสรภาพ แกนนำพระเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้พระที่อยู่ในตลาดออกจากพื้นที่ จนกว่าจะยกเลิกมาตรา 44 พร้อมแสดงความเห็นว่าไม่พอใจ ใช้ มาตรา 44 แต่งตั้ง ผผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาคนใหม่
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบพื้นที่ด้านท้ายตลาด ที่ดูเหมือนจะขยายที่พักค้างแรมของพระภิกษุเพิ่ม ทำให้ทหารเร่งตรวจสอบ เพราะพยายามตอกเสาปูน คล้ายกับการตั้งเต็นท์ แต่มวลชนวัดพระธรรมกายอ้างว่า จะขึงตาข่ายอย่างเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่ผ่อนปรนให้ แต่ย้ำว่าถ้าไม่เป็นไปตามคำชี้แจง จะเอาผิดทางกฎหมายทันที ฐานฝ่าฝืนขัดคำสั่งของเจ้าหน้าที่ โดยย้ำว่าห้ามตั้งเต็นท์เพิ่มเด็ดขาด