18+1 ?? ผู้ต้องหา ฆ่า นศ.ศิลปากร


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กลุ่มวัยรุ่นเพชรบุรี  18 คน ที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ว่ารุมทำร้ายร่างกายนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจทั้งหมดแล้ว แต่ผู้ปกครองของผู้เสียชีวิตที่เดินทางจากจังหวัดชุมพร มาพบผู้กำกับการ สภ.ชะอำ เพื่อติดตามผลการดำเนินคดี เพราะยังกังวลว่าจะเผชิญปัญหาผู้มีอิทธิพล แต่ล่าสุดก็แสดงความมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรม หลังได้คุยกับตำรวจ

18 วัยรุ่น ฆ่านศ.ศิลปากรมอบตัว ตร.ให้ประกัน ญาติลั่นยังไม่เผา  

ด้วยข้อกังวลในหลายประเด็น ทำให้วันนี้ครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เข้ามาร่วมติดตามคดีด้วย ครอบครัวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าแม้จะยังเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่เชื่อมั่นว่าตำรวจจะสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ละเว้น และยังยืนยันว่าจะไม่เผาศพจนกว่าคดีจะได้ข้อสรุป

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้เสียหายที่เป็นนักศึกษาอาศัยอยู่ที่เดียวกับผู้ตายอีกสามคน เข้าแจ้งความกับตำรวจ เอาผิดผู้ก่อเหตุทั้ง 18 คน ข้อหาพยายามฆ่า โดย 2 ใน 3 คนนี้เป็นผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บและอยู่ในเหตุการณ์ คืนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คนแรกถูกแทงด้วยไขควงบริเวณใบหน้าแต่ไม่สาหัส ส่วนอีกหนึ่งคนถูกตีด้วยขวดแก้วบริเวณศรีษะ และถูกแทงด้วยเศษแก้วบริเวณแขนถูกเย็บแผลมากกว่า 20 เข็ม วันนี้จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ชะอำ ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาตำรวจดำเนินคดีเฉพาะกรณีของเพื่อนที่เสียชีวิต แต่คดีของทั้ง 3 คนที่ถูกทำร้ายด้วย ยังไม่ดำเนินคดี


กลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตบอกกับ ทีมข่าวพีพีทีวี ก่อนหน้านี้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากชู้สาว ตามที่ตำรวจตั้งประเด็นไว้ก่อนหน้านี้ แต่มาจากการที่วัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม เจอกันในงานคอนเสิร์ต ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งของผู้ตาย เคยเข้าไปห้ามกลุ่มผู้ก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นในเหตุการณ์อื่นก่อนหน้านี้  ทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ตามมาที่หอพักเพื่อหวังทำร้ายคนที่ไปห้าม แต่กลับมาทำร้ายคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะไปคอนเสิร์ตด้วยกัน

ขณะที่ผู้ต้องหาคนที่ 16-18 ล่าสุดเข้ามอบตัวกับตำรวจทั้งหมดแล้ว คนสุดท้ายเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี ทุกคนได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน

 

เพื่อน-ญาติ นศ.ศิลปากร ยังกังวล ห่วงอาจมีคนร้าย คนที่ 19

แม้จะเห็นได้ชัดเจนว่า ตำรวจ สามารถทำคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว สามารถจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตชะอำได้ โดยกลุ่มวัยรุ่นที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด เข้ามอบตัวครบแล้วทั้ง 18 คน ทำให้ดูเหมือนว่า จะไม่มีปัญหาผู้มีอิทธิพลล้มคดี เหมือนที่กังวลกัน แต่ในมุมมองของของฝ่ายผู้เสียหายนั้นยังมีความกังวล และความกลัวอยางเห็นได้ชัด เพราะมองว่า อาจยังมีอีก 1 ตัวละคร ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา

จากแผนผังนี้ จะเชื่อมโยงให้เห็นความสำคัญขอตัวละครในเรื่องที่เกิดขึ้น ทีมข่าวได้ทำผังที่เกิดขึ้น โดยนำนักศึกษาที่เสียชีวิตไว้ตรงกลางผัง และจะเห็นว่า ผู้เสียชีวิต ไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงใดๆกับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ นอกจากเป็นผู้ถูกทำร้ายเท่านั้น

มาดูที่ฝั่งซ้ายของภาพ นั้นเป็นฝ่ายผู้เสียหาย  ซึ่งตอนเกิดเหตุ มีฝ่ายที่ถูกทำร้ายอยู่ในห้องนั้น 4 คน โดย 1 คน หนีไปได้ อีก 2 คน ถูกทำร้ายบาดเจ็บ เช่นถูกมีดฟันที่แขน ส่วนผู้ตาย นอนหลับอยู่ จึงถูกไขควงเจาะที่ศรีษะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งประเด็นคือทั้งผู้ตาย และเพื่อนอีก 3 คน ไม่ใช่เป้าหมาย ที่ผู้ก่อเหตุทั้ง 18 คน จ้องจะทำร้าย

ส่วนบุคคล เป้าหมายที่จะถูกทำร้าย ทีมข่าวขอไม่ขอเปิดเผยชื่อ  แต่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ในเวลาที่เพื่อนถูกทำร้าย คือ เวลาประมาณ 1.00 น. ของคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เขาและผู้เสียหายทั้ง 4 คน ไปเจอกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ เมื่อประมาณ 21.00 น. ในงานมินิคอนเสิร์ต ซึ่งเพื่อนๆของผู้เสียหายเล่าว่า  นักศึกษาที่เป็นเป้าหมายคนนี้ เคยไปห้ามตอนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ กำลังจะทำร้ายคนอื่นในเหตุการณ์อื่นก่อนหน้านี้ ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุจำได้ เมื่อเจอกันอีกครั้ง จึงตามกลับมาหวังจะทำร้ายที่หอพัก แต่คนที่เป็นเป้าหมายไม่อยู่ ทำให้เพื่อนอีก 4 คน ที่ไม่เคยมีปัญหาด้วย จึงถูกทำร้ายแทน ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนเรื่องราวจะไม่ซับซ้อน และอาจจะมองว่าเป็นปัญหาทะเลาะวิวาทของวัยรุ่น แต่มีปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ที่ทำร้ายจนเสียชีวิต ไม่ใช่ เป้าหมายตัวจริง

แต่ในเมื่อตำรวจ มีภาพจากกล้องวงจรปิด และจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว ความกังวลใจ ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเกิดจากอะไร ?

เมื่อย้อนกลับมาดูภาพในแผนผังที่กล่าวไปด้านบน ด้านขวาของภาพนั้นเป็นฝ่ายของผู้ก่อเหตุ ทีมข่าวพีพีทีวีขอไม่นำเสนอรายชื่อฝ่ายผู้ก่อเหตุ แต่เราพยายามค้นหาเบื้องหลังของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ว่าเหตุใดจึงก่อเหตุอย่างอุกอาจ และลงมือค่อนข้างรุนแรงเช่นนี้


เมื่อดูไปที่เบื้องหลัง อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว หนึ่งใน 18 คือ ลูกชายของนายตำรวจระดับผู้บัญชาการในพื้นที่ภาคอีสาน  คนอื่นๆ มีคนที่ใช้นามสกุลเดียวกัน อดีตนักการเมืองดังในพื้นที่ ซึ่งเราก็สรุปไม่ได้ว่า มีความเกี่ยวพันกันหรือไม่  มีทหารยศนายสิบ และกลุ่มลูกหลานของคหบดีในพื้นที่ ดูจากภูมิหลังของวัยรุ่นเหล่านี้ ทำให้อาจมองได้ว่า เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ฝ่ายผู้เสียหายกังวล

อีกหนึ่งประเด็น เป็นข้อสังเกตของฝ่ายผู้ตาย ที่ระบุว่า เพื่อนของพวกเขา ที่เป็นเป้าหมายตัวจริง เคยมีปัญหากับวัยรุ่นคนหนึ่งหลายครั้ง ซึ่งในคืนนั้น ก็อยู่ในมินิคอนเสิร์ตซึ่งเป็นสาเหตุแรกของเรื่องนี้ด้วย แต่วัยรุ่นคนนี้ ไม่ถูกเรียกมาสอบปากคำ ไม่ได้มามอบตัว เพราะไม่ปรากฏว่าร่วมก่อเหตุ ไม่มีภาพในกล้องวงจรปิด ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่วัยรุ่นคนนี้ มีภูมิหลังเป็นทายาทของผู้ที่มีหน้ามีตาในพื้นที่

กลุ่มผู้เสียหาย จึงกังวลว่า วัยรุ่นคนนี้ มีความเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ระดับใด เพราะเรียนที่เดียวกัน และรู้ที่อยู่ของบุคคลที่เป็นเป้าหมายด้วย โดยอ้างว่า มีคลิปเสียงของผู้ร่วมก่อเหตุคนหนึ่ง พูดถึงวัยรุ่นรายนี้  ซึ่งเป็นข้อกังวลเดียวกับ ที่ป้าของผู้ตายพูดที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ ในวันนี้  และข้อมูลนี้ เป็นข้อมูลเดียวกับที่เพื่อนผู้ตายกังวล

แต่ประเด็นนี้ อาจต้องรอพิสูจน์ให้แน่ชัดด้วยหลักฐาน เพราะหลักฐานที่ตำรวจมี ณ ตอนนี้  วัยรุ่นคนนี้ ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ

 

สงสัยมีอีก 1 ตัวละครลับ มีเหตุจูงใจให้ 18 วัยรุ่นทำร้าย นศ.ศิลปากร

นอกจากประเด็นที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายกำลังสงสัย คือ คนร้าย มีเพียง 18 คน ครบหมดแล้วใช่หรือไม่ เพราะจากข้อมูลของเพื่อนและญาติผู้ตาย ยังสงสัยว่า อาจจะมีตัวละครลับ ที่ยังไม่เคยพูดถึงในทางคดี อีก 1 คน ซึ่งพวกเขาเห็นว่า มีมูลเหตุและแรงจูงใจของความขัดแย้ง ที่เป็นตัวเชื่อมโยง ให้คนร้าย 18 คน ไปทำร้ายกลุ่มผู้ตาย เพราะทั้ง 18 คน กับผู้ตาย ไม่เคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน

ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ ขณะที่กลุ่มวัยรุ่น 18 คน กำลังจะเข้าก่อเหตุในห้องหมายเลข 13 ที่หอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี คืนวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีผู้เสียชีวิต 1 คน และเจ็บ 2 คน  เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาคนแรก ก่อนที่ผู้ต้องหาอีก 17 คนจะเข้ามอบตัว จนครบในวันนี้

ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นหลักฐานที่สำคัญของตำรวจ เพราะปรากฏภาพผู้ต้องหาทั้งหมด 18 คน ซึ่งเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีหมดแล้ว แต่ข้อมูลจากฝั่งญาติผู้เสียชีวิต และเพื่อนผู้ตาย ที่ถูกทำร้ายด้วย ยังสงสัยว่า อาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับการรุมทำร้ายครั้งนี้อีก 

ทีมข่าวพีพีทีวี ได้คุยกับญาติผู้ตาย ที่ยืนยันว่า มีคลิปเสียง ที่จะสามารถขยายผลไปยังบุคคลอื่นได้อีก เป็นคนที่ยังไม่เคยถูกพูดถึง ซึ่งทั้งเพื่อนและญาติผู้ตายสงสัยว่า คนผู้นี้ เป็นลูกของคนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่น 18 คน มารุมทำร้ายนักศึกษา เพราะเป็นคนที่เคยมีปัญหากับนักศึกษาที่เป็นเป้าหมายของการทำร้าย ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่มาทำร้าย กับกลุ่มผู้ตาย ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน


สิ่งที่ทำให้ฝ่ายผู้เสียหาย สงสัยว่า บุคคลปริศนาคนนี้ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่มีทบาทนำในกลุ่มผู้ก่อเหตุ และบุคคลปริศนา เคยมีเรื่องบาดหมางกับ นักศึกษาที่เป็นเป้าหมายตัวจริง

พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ บอกว่า จนถึงขณะนี้ การดำเนินคดี ทำไปตามพยานหลักฐานที่พบ โดยหลักฐานสำคัญ คือภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งมีคนร้าย 18 คน แต่ถ้าฝ่ายญาติผู้ตาย มีหลักฐานใหม่ ที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงคนที่ 19 ได้จริง ก็ขอให้นำมามอบให้ตำรวจ เพื่อใช้ขยายผลทางคดี หากมีน้ำหนักเพียงพอ

ในภาพจากกล้อง ปรากฏ รถยนต์ 3 คันที่ใช้ก่อเหตุ ทำให้ตำรวจสามารถระบุตัวตนผู้ก่อเหตุได้ชัดเจน แต่รถ 1 ใน 3 คัน คือโตโยต้า คัมรี่ ที่มีลูกชายนายตำรวจ ระดับรองผู้บัญชาการในภาคอีสานเป็นเจ้าของ กลับมาถึงมือตำรวจช้ากว่าคันอื่น นี่จึงทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตตั้งข้อสังเกตุว่า รถอาจถูกนำไปทำความสะอาดเพื่อทำลายหลักฐาน เพราะทราบมาว่า รถคันนี้ ถูกใช้วิ่งไปหลายที่หลังเกิดเหตุ

แต่ประเด็นนี้ ผู้กำกับการตำรวจภูธรชะอำ ให้ความมั่นใจว่า แม้จะนำรถไปล้าง ก็ไม่สามารถทำลายหลักฐานได้ทั้งหมด และหลักฐานที่ตำรวจมี ก็มีภาพจากกล้องหลายจุด ที่สามารถเชื่อมโยงที่มา ที่ไปของรถคันนี้ได้แน่นอน



นายวิวัฒน์ อรุณเมธา น้าของนักศึกษาศิลปากรที่เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่าแม้จะได้รับคำยืนยันว่าตำรวจจะทำคดีโดยไม่สนผู้มีอิทธิพล แต่ก็ยังกังวล เพราะยังติดใจในขั้นตอนการเก็บหลักฐานก่อนหน้านี้ เช่น ไขควงที่ใช้เป็นอาวุธปลิดชีพหลานชาย พบว่าถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานของตำรวจ โดยไม่มีถุงใส่เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ ในขณะที่รถยนต์ที่ขับมาในวันก่อเหตุมีถึง 3 คัน แต่จับได้แค่คันเดียวในช่วงต้นของการทำคดี ที่สำคัญการอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ก็หวั่นว่าผู้ต้องหาอาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้

ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้ กำชับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และรองผู้บัญชาการรวมถึงผู้การให้ลงไปดูแลคดีนี้แล้ว หากหลักฐานเกี่ยวข้องกับบุคคลใดให้เจ้าให้ขอศาลอนุมัติออกหมายศาลกับคนทุกคน โดยย้ำว่าการดำเนินคดีต้องตรงไปตรงมาและให้รายงานการดำเนินคดีกับฝ่ายผู้เสียเสียหายรับทราบด้วย ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลังการทำคดีได้

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ