พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 21 เม.ย.60 ถึงวันที่ 22 เม.ย. เป็นวันคุ้มครองโลก ว่า ถือเป็นวันสำคัญทางสิ่งแวดล้อม เพื่อเตือนใจให้ชาวโลก ทุกคนมีจิตสำนึกช่วยกันปกป้องดูแลโลกให้รอดพ้นจากภัยพิบัติและหายนะต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์เอง จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม โดยขอเชิญชวนประชาชน ชาวไทยทุกท่าน ร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง หากทุกคนนั้นต่างปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาสู่ชั้นบรรยากาศในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะขับรถ เปิดน้ำ เปิดไฟ ต่างเป็นกิจกรรมที่นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น ไม่ทางตรงหรือทางอ้อม
ทั้งนี้ คนไทยส่วนมากอาจจะไม่รู้ว่า องค์กรสิ่งแวดล้อมในเยอรมนี ได้จัดอันดับให้ประเทศไทย เป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากที่สุดในโลก ดังนั้นหากไม่ทำอะไรเลย ไม่ป้องกัน ไม่ร่วมมือ ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อนาคตอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติที่มากขึ้น บ่อยขึ้น และรุนแรงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
สำหรับประเทศไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับที่ 21 ของโลก แม้นั้นจะไม่ได้เป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ของโลก แต่ก็มีแนวโน้มที่จะปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้นในอนาคต รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญ แล้วได้เริ่มลงมือลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาได้ไปแสดงเจตจำนงไว้ที่กรุงปารีส เมื่อปี 58 ว่า ไทยนั้นจะมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกลง 20–25% ภายในปี 73 ซึ่งจะช่วยในการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้เกิดภัยพิบัติในอนาคตแก่โลกใบนี้
ขณะที่ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเร่งด่วนกับภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมากก่อน ได้แก่ ภาคพลังงานและภาคคมนาคมขนส่ง ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมให้ผลิตและใช้พลังงานทดแทน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน การลดการขนส่งทางถนน และส่งเสริมให้เกิดการขนส่งระบบทางรางให้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนมีการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฮบริด รถพลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมให้ใช้ไบโอดีเซล และเอทานอล ในภาคขนส่งเหล่านี้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการปกป้องธรรมชาติอย่างสมดุล โดยรัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่ป่า ที่เป็นแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก ไม่ให้ขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ ถ้าประเทศไทย มีพื้นที่ป่าไม้มาก ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนได้ แต่การลดก๊าซเรือนกระจกเฉพาะเพียงภาครัฐ คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในลักษณะของประชารัฐไปด้วย