กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และเครือข่ายชนเผ่า ออกแถลงการณ์ติดตามคดีวิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ หลังเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 38 วัน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
โดยตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มีความพยายามให้ข้อมูลว่านายชัยภูมิเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด และขัดขืนการจับกุม รวมทั้งมีความพยายามจะขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ จนเป็นที่มาของการถูกวิสามัญฆาตกรรม สร้างความกังวลว่าอาจกระทบต่อความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะกรณีของกล้องวงจรปิด ที่มีความพยายามทำให้ข้อมูลถูกปกปิดไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งที่คดีวิสามัญจำเป็นต้องใช้พยานหลักฐานมากมายเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเครือข่ายฯ ในชุมชนกองผักปิ้ง บ้านเกิดของนายชัยภูมิ หลังถูกวิสามัญ พบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกผู้เกี่ยวข้องไปพบ รวมทั้งยังข่มขู่พยานในลักษณะต่าง ๆ ขณะเดียวกันทหารลงพื้นที่ไปสร้างห้องน้ำให้กับครอบครัวของนายชัยภูมิ โดยอ้างว่าเป็นการเยียวยา สร้างความสับสนและหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน
ทางเครือข่ายฯ เสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ให้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด ในขณะเกิดเหตุวิสามัญให้กับพนักงานสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนและอัยการ เร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดกระบวนการไต่สวนการตายตามกฎหมาย และให้หน่วยงานทหารยุติบทบาทในการปฏิบัติการทางจิตวิทยาโดยสิ้นเชิง เพราะสร้างความหวาดระแวงและไม่วางใจมากขึ้น
ขณะที่พลตำรวจโทพูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวตำรวจยังทำงานต่อเนื่อง ไม่ได้หยุด และไม่ได้เงียบหายไป