โดย เจ้าของเฟซบุ๊ก “Punnabhat Sri” เล่าว่า ตนพร้อมเพื่อนอีก 6 คน เดินทางถึงประเทศเกาหลีในช่วงเช้าวันที่ 13 พ.ค. 60 หลังลงเครื่องตนก็เดินไปตรงจุดตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ แต่ตนกลับถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไปที่ห้องสอบสวน โดยจุดแรกเจ้าหน้าสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางเช่น มาทำอะไร มากับใคร มีเงินเท่าไหร่ จุดที่สองตนต้องกรอกแบบสอบถามและนั่งรอกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นจุดที่สามจะเป็นการสัมภาษณ์โดยมีล่ามแปลให้ โดยตนได้นำเอกสารการเดินทางทั้งหมดมาแสดง และตอบคำถามเจ้าหน้าที่เหมือนจุดสอบสวนแรก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยึดแผนการเดินทางทั้งหมดไป ทำให้ตนจำแผนการเดินทางไม่ได้เนื่องจากทั้งวันเวลา และสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อนเป็นคนจัดทำมา
ทั้งนี้ หลังตอบคำถามเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ ตม. สรุปว่าไม่ให้เธอผ่านเข้าประเทศและเธอต้องเดินทางกลับประเทศไทย ระหว่างนั้นมีชาวไทยที่ต้องถูกส่งกลับประเทศพร้อมเธอประมาณ 150 คน โดยมีทั้งมากับทัวร์ กลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่พาเธอและคนอื่นๆอีกรอบละประมาณ 40 คน เดินตรงไปอีกห้องหนึ่ง ขณะนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 7 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่นำอาหารมาให้กินเพียง ขนมปัง 2 ชิ้นกับน้ำเปล่า จากนั้นผ่านไป 12 ชั่วโมงเธอก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อถึงประเทศไทยเธอสอบถามทาง ตม. ไทย ได้ความว่า มีชาวไทยถูกส่งกลับมาจากเกาหลีใต้วันละ 100 – 300 คน ต่อวัน
นอกจากนี้ เจ้าของเฟซบุ๊กรายดังกล่าว ยังทิ้งท้ายว่า เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่หวังว่าเจ้าหน้าที่ควรแยกแยะว่าใครที่มีหลักฐานกับคนที่ไม่มีหลักฐานมันไม่เหมือนกัน เพราะแบบนี้จะทำให้เสียทั้งเงิน เวลา ถ้าจะทำแบบนี้ให้นักท่องเที่ยวของวีซ่าเข้าประเทศจะง่ายกว่า
“ไม่เกี่ยวว่ามีเงินไปเยอะหรือน้อยนะคะ เอาเงินไปเป็นแสนก็กลับ เอกสารรับรองการทำงานก็ให้กลับ ถือแบรนด์เนมทั้งตัวก็กลับ แย่มากเลย นี่ไปเที่ยวนะคะ จ่ายเงินค่ะไม่ได้ไปขโมยของ สายตาพูดจาเหยียดกันมาก สรุปไปเกาหลีหรือเล่นเกมส์วัดดวงคะ”
ขณะที่ข้อมูลจาก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล พบว่า ช่วงเดือนมีนาคม 2559 มีคนไทยพำนักในประเทศเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย 52,435 หรือคิดเป็นร้อยละ 58.1 จากจำนวนทั้งหมด 90,235 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากประเทศไทยและเกาหลีใต้มีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวดังนั้นคนไทยที่ประสงค์มาท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้สามารถอยู่ได้ 90 วันโดยไม่ต้องของวีซ่า จึงเป็นช่องว่างให้คนไทยบางคนลักลอบเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย
โดยในปี 2558 สำนักตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ ดำเนินการส่งคนที่พำนักผิดกฎหมายเดินทางกลับไทยโดยสมัครใจ จำนวน 8,402 คน พร้อมปฎิเสธการเข้าเมืองของผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะลักลอกเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ สำนักตรวจคนเข้าเมืองฯ ยังมีอำนาจในการเรียกสัมภาษณ์ผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยหากไม่สามารถชี้แจงวัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังเกาหลีใต้ได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้การลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมายมีโทษจำคุกและถูกส่งตัวออกนอกประเทศ รวมทั้งถูกขึ้นทะเบียนห้ามเข้าประเทศเป็นเวลา 5 ปี