ตำรวจนำรถแบคโฮเจาะเปิดหน้าพื้นคอนกรีตบริเวณลานตะเคียนหอไตร วัดวังตะวันตก ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังสืบสวนจนได้ข้อมูลชัดเจนว่า ผู้ก่อเหตุฆ่าสามเณรศุภโชค เอกเกียรติกุล หรือ สามเณรปลื้ม ได้นำร่างของสามณรรูปนี้ มาฝังไว้ที่นี่ ก่อนจะปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนหย่อมเพื่ออำพรางคดี
การขุดได้ใช้เครื่องจักรสลับกันกำลังคนของอาสาสมัครกู้ภัย ไม่นานพบคอนกรีตอีกชั้นที่ถูกโบกไว้ในลักษณะเสริมเหล็กเส้นอย่างดีแน่นหนา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนแผนกลับมาใช้รถแบคโฮอีกครั้ง เมื่อเจาะผ่านคอนกรีตชั้นนี้ได้ และขุดลึกลงไปได้ราว 1 เมตร 50 เซนติเมตร ก็พบร่างของสามเณรปลื้ม อยู่ในลักษณะยังไม่เน่าเปลื่อยทั้งหมด แม้จะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตมานานกว่า 5 เดือนแล้ว
การขุดร่างของสามณรปลื้มวันนี้ เกิดขึ้นหลังตำรวจคุมตัว นายเด่นชัย ภูมินิยม ที่ถูกสึกขาดจากความเป็นพระเมื่อวานนี้ ในฐานะ 1 ใน 3 ผู้ต้องหาฆาตกรรมอำพรางสามเณรปลื้มมาชี้จุดก่อนเหตุ ตามข้อมูลนายเด่นชัยอ้างว่า สาเหตุของทำร้ายสามเณรปลื้มจนเสียชีวิต เกิดจากการจับได้ว่า สามเณรรูปนี้ขโมยเงินสดและทองคำของตัวเองและภรรยา คือ นางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล ไป และสามเณรปลื้มไม่ยอมรับ และบ่ายเบี่ยงที่จะบอกว่า ได้นำของเหล่านี้ไปซุกซ่อนไว้ที่ไหน ทำให้เขาต้องใช้กำลังเพื่อบังคับให้สามเณรปลื้ม เปิดเผยความจริง แต่พลาดพลั้งทำให้สามเณรเสียชีวิต เมื่อเป็นเช่นนี้จึงกลัวความผิด เป็นที่มาของของการตัดสินใจอำพรางศพ โดยนายเด่นชัยอ้างว่า ทั้งหมด เป็นผู้ลงมือคนเดียว
ลักษณะการอำพรางศพสามเณรปลื้ม นายเด่นชัยซึ่งในเวลานั้นยังไม่ได้บวชเป็นพระแต่มีสถานะเป็นสามีของนายปิยะฉัตร หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า เจ๊บิว ผู้ดูแลการเงินและบริหารผลประโยชน์วัด ทำโครงการปรับภูมิทัศน์ลานกว้างบริเวณลานตะเคียนหอไตรของวัดวังตะวันตกเป็นสวนหย่อม หลังเขานำร่างไร้วิญญาณของสามเณรปลื้มห่อด้วยผ้าคล้ายผ้านวม ขุดหลุมฝัง และทำฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็กโบกปูนปิดไว้ชั้นแรก ก่อนจะสร้างพื้นคอนกรีตยกระดับสูงกว่าพื้นปกติปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยด้านบนได้ตั้งโต๊ะหมู่และนำพระพุทธรูปตั้งทับจุดฝังศพไว้ และปรับพื้นที่โดยรอบให้เป็นจุดพักผ่อนของวัด
การอำพรางศพด้วยการทำเป็นโครงการปรับภูมิทัศน์ขนาดใหญ่และใช้งบประมาณวัด ประกอบกับการสอบปากคำพยานและหาหลักฐานเพิ่มเติม หลังได้รับเบาะแสเรื่องนี้ ทำให้ตำรวจไม่เชื่อว่า นายเด่นชัยลงมือคนเดียว และนำมาสู่การออกหมายจับผู้ต้องหารวม 3 คน คือ นายเด่นชัยที่หลังจากเกิดเหตุ ได้หนีมาบวชและมีชื่อว่า พระเด่น นางปิยะฉัตร หรือ เจ๊บิว ภรรยานายเด่นชัย และสามเณรของวัดอีกรูปหนึ่งที่สารภาพว่า ร่วมทำร้ายสามเณรปลื้ม คือ สามเณรสุริยา และยังคาดว่า จะมีผู้เกี่ยวข้องอีกนับ 10 คน ที่อยู่ระหว่างหาหลักฐานเพิ่มเติม ที่สำคัญตำรวจ ไม่เชื่อว่าการทำร้ายสามเณรปลื้มจนเสียชีวิต เกิดจากขโมยของมีค่าของนายเด่นชัยและภรรยา เนื่องจากสืบทราบว่า สามเณรปลื้มมีลักษณะเป็นคนตรงไปตรงมา และอาจมีข้อมูลบางอย่างที่จะทำให้นายเด่นชัย และนายปิยะฉัตร เสียประโยชน์ เนื่องจากทั้งคู่เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของวัดและถือเงินวัด โดยที่ไม่มีการแต่งตั้งกรรมการวัดมาควบคุม ล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลตามจับกุมผู้ที่คาดว่า จะรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการฆ่ากรรมสามาเณรปลื้มครั้งนี้