นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ยืนยันว่า การเร่งรัดโครงการรถไฟ ไทย-จีน ที่ยังล่าช้ากว่าแผนในขณะนี้ จะต้องใช้มาตรา 44 เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาอย่างแน่นอน แต่จะใช้เฉพาะบางกระบวนการที่มีปัญหา ที่ทำให้โครงการเกิดความล่าช้าเท่านั้น ส่วนกรณีที่ไม่มีการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ยืนยันว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการแต่อย่างใด ซึ่งจะมีการพิจารณาภายหลัง โดยหลายฝ่ายก็คาดว่าน่าจะมีการประกาศใช้ในสัปดาห์หน้า
โดยในวันนี้นายสมคิด ได้เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “ ฟินเทค นวัตกรรมเรื่องใกล้ตัวที่ต้องรู้” โดยระบุว่า ประเทศเศรษฐกิจสำคัญที่ไทยต้องการดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุน ได้พัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค ไปสู่ยุค 5.0 แล้ว ขณะที่ไทยยังอยู่ในขั้นเริ่มใช้ฟินเทคยุค 4.0 ทำให้นักลงทุนต่างประเทศยังมีความกังวล ในการเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากระบบทางการเงินของไทย ยังไม่สามารถรองรับได้ อาจทำให้ไทยเสียโอกาสด้านการลงทุนจากต่างชาติ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงต้องเร่งพัฒนาฟินเทคให้ก้าวทันญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ขณะที่ภาครัฐยังคงต้องปรับปรุงกฎหมายให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย