ตามข้อมูลของพล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. สามารถสรุปวิธีการที่ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ใช้กินสินบนเงินโครงการบูรณะซ่อมแซมจาก 12 วัดได้ 2 รูปแบบ โดยมีเจ้าหน้าที่ข้าราช พศ. เป็นตัวหลักในการติดต่อประสานงาน โดยวัดไม่ได้เป็นผู้เขียนโครงการขอตามเงื่อนไข รูปแบบที่ 1 เจ้าหน้าที่ พศ.จะติดต่อให้เจ้าอาวาสลงนามแบบฟอร์มเอกสารที่จัดเตรียมไว้ให้ และนำมาใส่ข้อมูลตัวเลขงบประมาณเอง ทั้งที่ตามโครงการกำหนดให้วัดเป็นผู้เสนอตัวเลขส่วนนี้ รูปแบบที่ 2 ไม่มีเอกสารแบบฟอร์มให้เจ้าอาวาสลงนาม แต่จะใช้การการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ และตกลงให้เจ้าอาวาสรอลงนามรับเงินเพียงอย่างเดียว โดยโครงการของทั้ง 12 วัดพบว่า ไม่มีการเขียนโครงการเสนอ ไม่มีแบบแปลนก่อสร้าง และไม่มีการกำหนดจำนวนเงิน และที่สำคัญไม่มีการทำงานรายงานเสนอกลับว่า นำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่
รศ.ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ อาจารย์ประจำ ภาควิชาปรัชญา คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับวัดในช่วงที่ผ่านมา นอกจากจะสะท้อนช่องโหว่ของการบริหารจัดการในวัดจนกลายเป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลต่างๆได้อย่างง่ายดาย ยังสะท้อน ปัญหาทั้งระบบ
เพราะแม้แต่ เงินรายรับ-รายจ่ายของวัด ที่มีอยู่กว่า 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ มีเพียงประมาณ 180 วัดเท่านั้น ที่ส่งตัวเลขเข้าระบบการตรวจสอบ ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีเกณฑ์การตรวจสอบ แต่ก็ไม่ได้ทำจริงในทางปฏิบัติ เพราะหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ คือ คณะสงฆ์ระดับต่างๆ มหาเถระสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่ทำงานในส่วนนี้อย่างจริงจัง ส่วนคนทั่วไป ก็มีทัศนคติที่เห็นว่า การคิดต่อวัด หรือ พระ ในทางลบ อาจเป็นบาป จึงทำให้การตรวจสอบอ่อนแอ ทั้งที่จริงๆแล้ว การช่วยกันสอดส่องดูแลของพุทธบริษัททุกภาคส่วน ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมให้พุทธศาสนาแข็งแรง