ทหารกูรข่าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอังกฤษมามากกว่า 200 ปี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีทหารกูรข่าจำนวน 112,000 นายเข้าร่วมรบ เสียชีวิตไป 43,000 นาย และมี 26 นายได้เหรียญกล้าหาญวิคตอเรีย ครอส ซึ่งเป็นเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุดของอังกฤษ
ปัจจุบันหน่วยทหารกูรข่าประจำอยู่ในกองทัพอังกฤษ 3,500 นาย โดยจะถูกบรรจุเป็นทหารในกองทัพอังกฤษเป็นระยะเวลา 15-30 ปี และเมื่อเกษียณก็จะถูกส่งตัวกลับเนปาล
ชีวิตหลังเกษียนของนักรบผู้กล้าหาญขึ้นอยู่กับเงินบำนาญราว 2,300 บาทต่อเดือน เป็นบำนาญที่น้อยกว่าทหารอังกฤษ โดยรัฐบาลอังกฤษอธิบายเหตุผลว่าที่บำนาญกูรข่าน้อยกว่านั้นเนื่องจากค่าครองชีพของเนปาลต่ำกว่าอังกฤษ นอกเหนือจากเงินบำนาญแล้ว อังกฤษยยังได้จัดตั้งกองทุนที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเนปาลเพื่อดูแลสวัสดิการของอดีตนักรบกูรข่าโดยเฉพาะ
แม้จะได้รับการดูแลที่ดีตามสมควร แต่การให้กูรข่าที่ปลดประจำการต้องกลับประเทศแทนที่จะได้สิทธิในการได้พำนักหรืออยู่อาศัยในอังกฤษ ดินแดนที่พวกเขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้องอย่างซื่อสัตย์และภักดีกลายเป็นประเด็นถกเกียงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการรณรงค์จากหลายกลุ่มในสังคมเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมนี้ให้กับทหารกูรข่า เสียงที่ดังมากเสียงหนึ่งคือ ทหารอังกฤษ เพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย และทหารอังกฤษที่มีชื่อเสียงมากนายหนึ่งคือ เจ้าชายแฮรี่
เจ้าชายแฮรี่เสด็จไปร่วมฝึกกับกองทหารกูรข่าที่เข้าร่วมรบในสงคราม การที่พระองค์ทรงร่วมฝึกกับทหารกูรข่ามีส่วนทำให้สังคมอังกฤษตื่นตัวในเรื่องความยุติธรรมเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย การต่อสู้เพื่อสิทธิอันชอบธรรมของกูรข่าเห็นผล ปี 2009 ศาลมีคำพิพากษาให้ทหารกูรข่าที่เกษียณอายุแล้วสามารถตั้งถิ่นฐานอยู่ในอังกฤษได้
เบื้องหลังเกียรติยศและชื่อเสียงของพวกเขาคือความกล้าหาญและซื่อสัตย์ พวกเขาไม่เกรงกลัวสิ่งใดแม้แต่ความตาย กล่าวกันว่า ในเนปาลนั้น ถ้ามีใครบอกว่า เขาไม่กลัวตายก็มีอยู่ 2 อย่างคือ ถ้าเขาไม่โกหก เขาก็คือนักรบกูรข่า ดังคำขวัญของหน่วยทหารกูรข่าที่ว่า “ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างขี้ขลาด”