สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์การสู้รบครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมาร์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 400 คน และทำให้ชาวมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในพื้นที่ หลบหนีการสู้รบเข้าไปในบังกลาเทศแล้วเกือบ 90,000 คน ว่า สร้างความไม่พอใจให้กับพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย มัลดีฟส์ ปากีสถาน และอิหร่าน รวมถึงนางอี ยาง-ฮี ผู้แทนสหประชาชาติ ที่ออกมากล่าววิจารณ์นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมาร์ ว่าไม่ปกป้องชาวมุสลิมโรฮิงญา ทั้งที่สถานการณ์ขณะนี้เลวร้ายมาก
ขณะที่ ท่าทีของนางซูจีสร้างความผิดหวังให้กับประชาคมโลก เนื่องจากสวนทางกับจุดยืนด้านการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนของเธออย่างสิ้นเชิง ทำให้ น.ส. มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวปากีสถาน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่อายุน้อยที่สุด ออกมาแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นางซูจีจะเข้ามามีบทบาทและร่วมประณามโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
ล่าสุด นาง เรตโน มาร์ซูดี (Retno Marsudi) รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ได้เข้าพบนางออง ซาน ซูจี และพลเอก มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์ ที่ทำเนียบในกรุงเนปิดอว์ เพื่อแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าหน่วยงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยทางทะเล หรือ โมแอส (MOAS) เตรียมจะย้ายฐานปฏิบัติการจากประเทศมอลตา ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มายังน่านน้ำเมียนมาร์ในเอเชีย เพื่อรับมือสถานการณ์ หลังเริ่มมีการพบศพผู้ลี้ภัยโรงฮิงญาจมน้ำเสียชีวิต
