สำนักข่าวต่างประเทศรายงานงานวิจัยเรื่องหนึ่งของสมาคมวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ภาควิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียประเทศสหรัฐฯ ว่า การนั่งเป็นระยะเวลานานๆ อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน เพศใด เชื้อชาติอะไร หรือ ออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน เนื่องจาก พฤติกรรมนั่งติดที่อาจทำให้ภาวะความไวต่ออินซูลินซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาระดับกลูโคสในเลือดลดลง หรือทำให้การเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายมีน้อยลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำว่า ควรลุกขึ้นยืนและเดิน ทุกๆ 30 นาที เป็นระยะเวลาประมาณ 5 นาที ( อ่านข่าว : นักวิทย์ชี้พฤติกรรม “นั่งติดที่” ทำให้ตายเร็ว )
ทั้งนี้ การนั่งติดที่นานๆ นั้นหากนั่งผิดวิธี ผิดท่า ไม่เพียงแต่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เป็น "โรคออฟฟิศซินโดรม" อีกด้วย
“โรคออฟฟิศซินโดรม” (Office syndrome) คือโรคที่มักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน ไม่มีการออกกำลังกายเป็นประจำ และสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ไม่เหมาะสม จึงส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ รวมไปถึงการปวดหลังเรื้อรังจากการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะการนั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา ทำให้กระบังลมขยายได้ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอน และหากมีความเครียดจะส่งผลให้โรคนี้ให้รุนแรงมากขึ้น เช่น เป็นไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดตา หน้ามืด เป็นต้น ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งคือ โรคนี้จะทำให้เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศตามมาอีกด้วย
ดังนั้น หากชาวออฟฟิศไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการจะรุนแรงจนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้ และโรคออฟฟิศซินโดรม ยังรวมไปถึงระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เนื่องจากการทำงานอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศไม่สะอาด รวมไปถึงสารเคมีจากหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และเครื่องพิมพ์เอกสาร ซึ่งวนเวียนอยู่ภายในห้องทำงานอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม “โรคออฟฟิศซินโดรม” สามารถป้องกันได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้เหมาะสมในขณะทำงาน คือ
1.ปรับความสูงของเก้าอี้และโต๊ะให้เหมาะสม นั่งหลังตรงชิดขอบด้านในของเก้าอี้ เปลี่ยนท่าการทำงานทุก 20 นาที
2.หากใช้คอมพิวเตอร์ ควรให้กึ่งกลางของจออยู่ในระดับสายตา
3.แป้นคีย์บอร์ดควรอยู่ในระดับข้อศอก ข้อมือ หากใช้เมาส์ควรพักข้อศอกบนที่รองแขนที่เก้าอี้
4.กระพริบตาบ่อยๆ พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 10 นาที
5.ยืดเหยียดกล้ามเนื้อมือและแขนทุก 1 ชั่วโมง
6.ปลูกต้นไม้ในร่ม ช่วยดูดซับสารพิษและเป็นที่พักสายตาจากการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์
7.รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และครบ 5 หมู่
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.