เซบาสเตียน คูร์ซ คือชายหนุ่มที่กำลังได้รับความสนใจในวงการเมืองโลกหลังจากได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีของออสเตรียในวัย 31 ปี สิ่งที่กลายเป็นกระแสที่ทัวโลกต้องจับตามองคือแนวคิดของเขาและพรรค เส้นทางการอพยพเข้ายุโรปจะถูกปิด เงินช่วยเหลือที่รัฐบาลมอบแก่ผู้ลี้ภัยจะถูกจำกัด รวมถึงผู้อพยพจะไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐจนกว่าจะพำนักในออสเตรียครบ 5 ปี เหล่านี้คือคำมั่นสัญญาที่นายคูร์ซให้ไว้กับชาวออสเตรียนในช่วงการหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง
กระแสขวาจัดที่เริ่มกลับมาได้รับความสนใจไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นที่ออสเตรียเป็นที่แรก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาเยอรมนีก็เพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้งใหญ่ พรรคของนางแองเกลา แมเคิล ได้เก้าอี้ในสภามากที่สุดและจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีเป็นสมัยที่สี่ติดต่อกันตามความคาดหมาย แต่การที่พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD พรรคการเมืองชาตินิยมขวาจัด ได้จำนวนเก้าอี้ในสภามากเป็นอันดับสาม ถือเป็นปรากฎการณ์ที่สั่นสะเทือนการเมืองเยอรมัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พรรคขวาจัดได้รับเลือกเป็นตัวแทนเข้าไปในสภาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
คนส่วนใหญ่ที่สนับสนุนพรรค AfD คือกลุ่มคนในรัฐทางใต้และรัฐค่อนข้างยากจนในแถบตะวันออกข้างเยอรมนีที่เคยสนับสนุนพรรค CDU ของนางแองเกลา แมเคิล
กระแสการต่อต้านนโยบายผู้อพยพทำให้นางเมเคิลปรับแนวทางการรับผู้อพยพให้เข้มข้นขึ้นรวมถึงการส่งกลับผู้อพยพบางส่วนกลับประเทศโดยเฉพาะอัฟกานิสถาน ก่อให้เกิดการประท้วงที่เห็นได้โดยทั่วไปจากบรรดาผู้อพยพ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะสกัดกั้นไม่ให้พรรคฝ่ายขวาเข้าสภาได้
ชัยชนะของพรรคขวาจัดทั้งในออสเตรียและเยอรมนีทำให้มีการจับตาดูนโยบายของยุโรปต่อจากนี้ในเรื่องการรับผู้อพยพและผู้ลี้ภัยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ โดยเฉพาะในเยอรมนีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารับผู้อพยพไปแล้วเกือบ 2 ล้านคนและจำนวนมากยังไม่สามารถหลอมรวมให้เข้ากับสังคมใหม่และหางานทำได้ เหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้พรรคแนวทางขวากลับมา
การเข้ามาของฝ่ายขวาเกิดการตั้งคำถามว่ายุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีคิดอย่างไรเพราะเยอรมนีมีประสบการณ์อันเจ็บปวดและมีบทเรียนแสนสาหัสจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนาซีและสงครามโลกครั้งที่สอง