สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และพรรคร่วมรัฐบาล น่าจะคว้าชัยชนะไปได้แบบขาดลอย โดยผลการหยั่งเสียงนอกคูหาเลือกตั้ง หรือ เอ็กซิทโพลล์ ที่จัดทำโดยสำนักข่าว NHK ระบุว่า พรรค LDP ของนายอาเบะและพรรคร่วมรัฐบาล น่าจะคว้าที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้ประมาณ 312 ที่นั่ง จากทั้งหมด 465 ที่นั่ง ซึ่งถือว่ามากพอที่จะครองเสียงข้างมากถึง 2 ใน 3 ของสภา
ล่าสุด นายอาเบะได้ออกมาประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งแล้ว โดยให้คำมั่นจะสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ที่เขาจะจัดการอย่างจริงจัง โดยใช้วิธีทางการทูตที่เข้มแข็ง
ทั้งนี้ การครองเสียงข้างมากเด็ดขาดถึง 2 ใน 3 ของสภา จะช่วยเอื้อต่อแผนการของนายอาเบะที่ต้องการผลักดันให้แก้ไขมาตรา 9 ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ให้ได้ภายในปี 2020 เพื่อฟื้นฟูสถานะกองทัพและการทหารของประเทศให้เป็นปกติดังในอดีต นั่นหมายความว่า กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น จะสามารถไปร่วมรบช่วยพันธมิตรในต่างประเทศได้เป็นครั้งแรก
ชัยชนะในครั้งนี้ ยังทำให้นายอาเบะ วัย 63 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในวาระยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และจะช่วยให้เขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค LDP ต่อไปอีก 1 สมัย หรือ 3 ปี โดยการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค จะมีขึ้นในวันที่ 25 ก.ย. ปีหน้า
ด้านนักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยที่ทำให้นายอาเบะได้รับชัยชนะ คือ ช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยนายอาเบะฉวยโอกาสในช่วงที่พรรคฝ่ายค้านอยู่ในภาวะระส่ำระสาย ยุบสภาและประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนด ขณะที่คะแนนนิยมของเขาเอง ซึ่งเคยตกต่ำถึงขีดสุดหลังเจอกรณีทุจริตอื้อฉาว ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ส่วนพรรคคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคความหวัง ของนางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ก็กระแสแผ่วในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เนื่องจากคนผิดหวังที่นางโคอิเกะไม่ได้ลงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย