ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรังกว่า 20 คน มีประชุมร่วมกันถกปัญหากรณีข่าวการล่าพะยูน กรณีการพบซากพะยูนที่ตายตัวล่าสุดที่พบ 2-3 วันที่ผ่านมา โดยถูกคนร้ายชำแหละเอาส่วนหัว กระดูก และเนื้อหายไป เหลือเพียงผิวหนัง และลำไส้ ซึ่งในภาพที่เจ้าหน้าที่ถ่ายไว้อย่างชัดเจนว่ามีการนำไปมัดผูกติดไว้กับรากต้นโกงกาง ซึ่งผิดธรรมชาติ หลายคนสงสัยว่าจะเป็นการล่าพะยูนเพื่อกินเนื้อหรือเอาเขี้ยว กระดูกไปขาย
ทั้งนี้วันนี้ (25 ตค.) อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และคณะจะลงพื้นที่มาชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องนี้ และจะมีการตั้งกระทู้ถามอธิบดีฯและหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อข้อสงสัยอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามชมรมประมงพื้นบ้านยังพบประเด็นการออกมาให้ข่าวของเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบงในหลายประการ เช่น คนพบคนแรกที่ระบุไม่ตรงกันสักครั้งว่าเป็นใคร, ในภาพถ่ายมีเฉพาะเจ้าหน้าที่เพียงประมาณ 4 – 5 คนเท่านั้น ไม่มีชาวบ้านนับ 10 คน ตามที่กล่าวอ้าง และเกรงจะมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จตามมา จะเรียกร้องให้ทางจังหวัดและทางอธิบดีกรมอุทยานฯดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ เพราะที่ผ่านมาทำให้กระบวนการทำงานของประชาชนและทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์เสียหาย ชาวบ้านเสื่อมเสียชื่อเสียง
ขณะที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ซึ่งได้เดินทางมาชันสูตรซากพะยูนที่เก็บรักษาไว้ และมีการรายงานผลชันสูตรพะยูนว่า สภาพซากเน่ามาก กะโหลก และกระดูกชิ้นต่างๆรวมถึงโคนหางจนถึงปลายหางหายไป เหลือเพียงผิวหนังและลำไส้บางส่วน รอยตัดที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยถูกของมีคมตัด เหลือเพียงผิวหนังช่วงครึ่งล่างของลำตัวและลำไส้บางส่วน
ส่วนรอยตัดที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยถูกของมีคมตัดบริเวณครีบข้างซ้ายมีเชือกมัดอยู่ ไม่พบบาดแผลที่ชัดเจนบนผิวหนังที่เหลืออยู่ ไม่มีรอยช้ำที่เกิดจากการติดเครื่องมือประมงในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ไม่สามารถตรวจสอบการจมน้ำจากการตรวจฟองอากาศในหลอดลมได้ หรือระบุความผิดปกติของการตาย หรือหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนได้ เนื่องจากอวัยวะเน่ามาก แต่พะยูนได้ตายก่อนที่จะถูกชำแหละ