โรงพยาบาล 11 แห่ง ที่ นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม กำหนดเป็นเป้าหมายของการวิ่งครั้งนี้ กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ก่อนเริ่มต้นวิ่ง ตูน บอดี้สแลม ได้ประสานกับโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่ง เพื่อสำรวจความต้องการ ซึ่งแต่ละแห่งก็แตกต่างกันออกไปตามสภาพพื้นที่ สำหรับ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา 1 ในโรงพยายาลเป้าหมาย มีความต้องการอุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีเหตุความรุนแรงบ่อยครั้ง จึงจำเป็นต้องการสนับสนุนเครื่องทีซีแสกน เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็ก-ผู้ใหญ่ เครื่องมือผ่าตัด และเครื่องมือภายในห้องฉุกเฉิน ขณะที่ โรงพยาบาลสุราษฎ์ธานี เป็นโรงพยาบาลที่รองรับผู้ป่วยในจังหวัดใกล้เคียงประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ป่วยมะเร็งที่ถูกส่งต่อมารักษาที่นี่ ทำให้โรงพยาบาลมีความต้องการเครื่องผ่าตัดแบบสอดกล้อง เครื่องอัลตราซาวด์สอดทางเดินอาหาร และเครื่องเอ็กซเรย์แบบต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคทั่วไป
ส่วนในภาคอีสาน มีโรงพยาบาล ที่ได้รับการสนับสนุนในโครงการก้าวคนละก้าวครั้งนี้เพียงแห่งเดียว คือ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรคเฉพาะที่พบมาก คือ โรงมะเร็งตับ แต่ละปีมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนมาก จึงมีความต้องการ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องฟอกไต เครื่องมือผ่าตัดหัวใจ และเครื่องอัลตราซาวด์ นอกจากนี้จะนำงบประมาณบางส่วนไปพัฒนาอาคาร และงานบริการประชาชน
ขณะที่ภาคเหนือ โรงพยาบาลศูนย์น่าน 1 ในโรงพยาบาล 3 แห่งที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการนี้ เตรียมนำงบประมาณจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจในเด็กเล็ก พัฒนาศูนย์หัวใจ และพัฒนาห้องผ่าตัด เพื่อรองรับผู้เจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ เนื่องจากจังหวัดน่านเป็นเมืองที่กำลังพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
ด้านศาตราจารย์นายแพทย์ปิยสกล สกลสัตยาธร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ที่ผ่านมาการสนับสนุนงบประมาณจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ซึ่งการบริจาคเงินจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถช่วยพัฒนาโรงพยาบาลได้ ปัจจุบันมีแผนเสนอให้รัฐบาลปรับลดภาษีให้กับบุคคลที่บริจาคเงินให้โรงพยาบาล โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สองเท่า ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาสนับสนุนช่วยเหลือโรงพยาบาลมากขึ้น