วันนี้ (8 พ.ย.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอของเลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ต้องการให้มีการจัดระเบียบโควต้าขององค์กร และผู้ค้ารายย่อยใหม่ทั้งหมด กำหนดคุณสมบัติให้เป็นผู้ค้าเฉพาะผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้มีรายได้น้อยตัวจริงเท่านั้น และต้องให้ขึ้นทะเบียนผู้ค้าใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะต้องกำหนดจำนวนสลาก และรายได้ที่ชัดเจนจากกิจการสลาก และประเด็นสำคัญต้องตรวจสอบว่ามีการทุจริตทำให้สลากแพงหรือไม่ ในมุมมองนักวิชาการ นายวิเชียร ตันศิริคงคล อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มองว่า การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาจะต้องแก้ที่โครงสร้าง รวมถึงแก้กฏหมายโดยตัดผู้ค้าคนกลางออกไป และให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถขายคืนสลากที่ขายไม่หมดได้ จะทำให้ปริมาณสลากเข้าสู่จุดสมดุล
ขณะที่ สัปดาห์ที่ผ่านมาเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก ออกสำรวจตลาดการค้าสลาก 12 พื้นที่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง พบว่า สลากขายเกินราคาแพงที่สุดใบละ 130 บาท สลากรวมชุดมากที่สุด 15 ใบ ขายราคา 2,700 บาท หรือเฉลี่ยใบละ 180 บาท ส่วนสลากขายยกเล่มพบราคาขายอยู่ที่ 8,100 บาท
ทีมข่าวพีพีทีวี ลงพื้นที่สำรวจตลาดค้าสลากในพื้นที่กรุงเทพฯวันนี้ ทั้งถนนราชดำเนิน และตลาดห้วยขวาง พบว่า มีผู้ค้ารายย่อยหลายคนมาซื้อสลากต่อจากยี่ปั๊วเพื่อนำไปขายต่อ ผู้ค้าบางราย บอกว่า รับสลากจากยี่ปั๊วมาในราคา 89-93 บาทต่อใบ จำเป็นต้องซื้อเพื่อนำไปขายปลีกต่อ เพราะไม่สามารถซื้อ-จองสลาก กับสำนักงานกองสลากได้ เป็นเหตุผลที่พ่อค้าแม่ค้า ต้องขายสลากเกินราคา 80 บาท
ผู้ค้ารายย่อย มองว่า การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาคือต้องให้ผู้ค้าตัวจริงเข้าถึงสลากให้มากขึ้น เพราะปัญหาสำคัญเกิดจากผู้ค้าที่ลงทะเบียนซื้อ-จอง ส่วนใหญ่ ไม่ใช่เป็นผู้ค้าตัวจริง และนำสลากเล่มที่ได้ไปขายต่อให้กับยี่ปั๊ว จึงขอให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ปัญหาส่วนนี้