จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ขยะทางทะเลส่วนใหญ่พบอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย โดยมีการจัดอันดับเป็นประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดอันดับ 6 ของโลก ส่วนอันดับหนึ่งคือประเทศจีน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย
ขณะที่การแก้ปัญหานั้น นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่าต้องอาศัยความร่วมมือในกลุ่มประเทศอาเซียน ลำพังประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตราบใดที่ทะเลเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน
สำหรับประเทศไทยมีจังหวัดที่มีชายฝั่งติดทะเล23 จังหวัด มีขยะเฉลี่ยรวมกว่า 10 ล้านตันต่อปี ขยะกว่าครึ่งกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง และร้อยละ 10 ของขยะที่กำจัดไม่ถูกต้อง หรือขยะ1 ล้านตันต่อปี จะถูกพัดพาลงทะเล ยังไม่นับรวมขยะที่เกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยวทางทะเล
อย่างไรก็ตามกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมเสนอวิธีการลดปัญหา ขยะในเวทีประชุม การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยจะขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรวจสถานประกอบการ ร้านค้า ขอให้เปลี่ยนภาชนะบรรจุอาหาร หรือสินค้า เบื้องต้นนำร่องไปแล้วในจังหวัดสุราษฎ์ธานี
ขณะที่ในแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง-ราวี อ่าวเรือใบ หาดทรายขาว เกาะหินงาม และเกาะไข่ ก็มีกลุ่มจิตอาสาโครงการรักษ์เลป่าสตูล ร่วมมือร่วมใจกันช่วยกันเก็บขยะขึ้นมาจากทะเลและชายหาด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ได้รับความนิยม เพื่อรอต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง ขยะส่วนใหญ่ที่เก็บได้ เป็นขวดพลาสติก กล่องโฟม และเชือกอวนที่ติดอยู่กับแนวปะการัง ปริมาณรวมกันทั้งหมด 2.5 ตัน แบ่งเป็นขยะใต้ท้องทะเลเกือบ 1 ตัน