“ตูน บอดี้สแลม” ก้าวจนจบปลายทางเหนือสุดแดนสยาม จบภารกิจ 55 วัน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ภารกิจสำเร็จ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งระดมทุนเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ถึง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เรียบร้อยแล้ว จบภารกิจการวิ่ง 55 วัน ยอดบริจาค 1,148 ล้านบาท

เมื่อเวลาประมาณ 18.20 น. “ตูน บอดี้สแลม” และทีมงานก้าวคนละก้าว วิ่งมาถึงจุดหมายปลายทางบริเวณด่านท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย บริเวณป้ายเหนือสุดยอดแดนสยาม เรียบร้อยแล้ว หลังวิ่งรวมเป็นระยะทาง 2,215 กิโลเมตร เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 2,191 กิโลเมตร จากใต้สุดของประเทศไทย อ.เบตง จ.ยะลา มาถึงเป้าหมาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ภายในระยะเวลา 55 วันได้สำเร็จ ได้ยอดบริจาค 1,148 ล้านบาท  หลังจากเริ่มออกวิ่งตั้งแต่ 1 พ.ย.60 จนมาถึงวันนี้ (25 ธ.ค.60) ผ่านเส้นทาง 22 จังหวัด เพื่อระดมทุนให้กับ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ขณะที่บรรยากาศตลอดเส้นทางมีประชาชนจำนวนมากมารอต้อนรับ พร้อมกับตะโกน พี่ตูนสู้ๆ คุณหมอสู้ๆ คุณพยาบาลสู้ๆ และร่วมกันร้องเพลง “แสงสุดท้าย” ดังกระหึ่มสองข้างทางที่ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งผ่าน ทำให้บรรยากาศสองข้างทางเป็นไปอย่างอบอุ่น

หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 06.09 น. นับเป็นวันแรกในการออกสตาร์ทการวิ่งของ “ตูน บอดี้สแลม” และทีมงาน เริ่มที่ อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งเป้ายอดบริจาคไว้ที่ 700 ล้านบาท ตลอดการวิ่งมีประชาชนมาต้อนรับอย่างอบอุ่นทั้งสองข้างทาง แม้จะต้องวิ่งผ่านพื้นที่สีแดง ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของการวิ่งในครั้งนี้ แต่สภาพอากาศบางช่วง ทำให้การวิ่งต้องสะดุดลง จากสายฝนที่โหมกระหน่ำ จนทำให้ต้องหยุดพักการวิ่ง ทำให้บางวันเขาและทีมวิ่งได้ไม่ครบตามเป้าหมาย แต่ตลอดการวิ่งของเขามีประชาชนจำนวนมากมารอต้อนรับให้กำลังใจ ร่วมบริจาค และรอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก จนชาวยะลายกให้ “ตูน บอดี้สแลม” เป็นบุคคลที่สร้างความสุขให้กับคนในพื้นที่

แต่สิ่งหลายคนคิดว่าจะเกิดกับ “ตูน บอดี้สแลม” ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือ “อาการบาดเจ็บ” ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันของการวิ่ง จากการวิ่งเเล้วหยุดเซลฟี่ตลอดทาง จนทำให้ “ตูน บอดี้สแลม” ทรุดลงนั่งกับพื้น ท่ามกลางความตกใจ และความเป็นห่วงของคนที่ติดตามการวิ่งของเขาอยู่ อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นคือ อาการปวดหลัง จากการเดินเป็นระยะทางยาว การเอี้ยวตัว รวมถึงการก้ม การย่อตัว และการอุ้มเด็ก ด้วยสภาพร่างกายและสภาพอากาศทำให้วิ่งได้ไม่ครบเป้าหมาย และเขาก็ไม่ย่อท้อขอวิ่งชดเชยในวันที่พัก

“การเห็นรอยยิ้มของทุกคนในพื้นที่ และการเห็นผู้คนออกมาต้อนรับและบริจาคเงิน เด็กออกมามีส่วนร่วมในกิจกรรม เป็นภาพที่สวยงามมากเกินกว่าที่จินตนาการไว้” ตูน บอดี้สแลม กล่าวไว้เมื่อผ่านไป 4 วันของการวิ่ง มียอดเงินบริจาคทะลุ 70 ล้านบาท 

หลังจากมีอาการบาดเจ็บทำให้ทีมแพทย์และทีมงานก้าวคนละก้าวได้แถลงขอความร่วมมือจากประชาชนที่ต้องการถ่ายภาพกับ “ตูน บอดี้แสลม” หรือร่วมบริจาคเงินให้ไปรอตามจุดพักที่จัดเตรียมไว้ และเจ้าหน้าที่จะคอยจัดคิว ให้ทุกคนได้ถ่ายภาพ ซึ่งจะช่วยลดการเซลฟี่และการหยุดวิ่งตามเส้นทางถนนที่จะกระทบกับสภาพการจราจร รวมถึงสภาพร่างกายของตูนด้วย  และแนะนำให้ใช้โหมดวิดีโอถ่ายภาพขณะตูน วิ่งผ่านแทน ขณะที่นักกายภาพบำบัด ได้ออกมาเตือนว่า การ “เซลฟี่” ไม่ได้ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ แต่ท่าทางในการเซลฟี่ต่างหากที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และหลายฝ่ายเริ่มออกมาแสดงความเป็นห่วงเพราะอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นในวันแรกๆ ของการวิ่ง

“คุณตูนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทุกคนเข้ามาหาเขา ในหน้างานคุณตูนเขาความสุขกับการได้ทำแบบนั้นและอยากจะทำ คุณตูนเคยบอกว่า คนหนึ่งคน ไม่ว่าจะเป็นคนสูงอายุ หรือเด็ก ในชีวิตนี้เขาอาจจะได้เจอเขาครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งเขาจะให้ความสำคัญกับคนตรงหน้าในเวลาตรงนั้น แต่ในมุมของหมอก็ไม่อยากให้ทำ แต่ถ้าเราได้ไปอยู่ตรงนั้นจะเห็นว่า คุณยายคนหนึ่งที่นั่งรถเข็น ถือไม้เท้า กำแบงค์ร้อยเอาไว้ และบอกว่าขอบคุณที่มาช่วยคนยะลา ช่วงเวลาแบบนั้นมันส่งผลต่อจิตใจเขา กับการที่เขาต้องก้มหนึ่งครั้ง หมอเชื่อว่าเขาก็เต็มใจและอยากจะทำ” พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์ หรือ “หมอเมย์” แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวถึง “ตูน บอดี้สแลม” เมื่อมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น 

ตลอดระยะทางการวิ่ง “ตูน บอดี้แสลม” มักจะบอกประชาชนที่มารอให้กำลังใจเสมอว่า ไม่ใช่แค่ตะโกน “พี่ตูนสู้ๆ” แต่ต้องตะโกนว่า “คุณหมอสู้ๆ” “พยาบาลสู้ๆ” มากกว่า เพราะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคน คือฮีโร่ตัวจริง และเขาบอกเสมอว่า เรามารวมกันครั้งนี้ เราอยากมาให้กำลังใจคุณหมอ คุณพยาบาล ที่ทำงานหนักทั่วประเทศไทย  ทำงานหนักท่ามกลางความขาดแคลน  ทำงานหนักท่ามกลางความคาดหวังของคนป่วยและญาติ จะดีกว่าไหม ถ้าเราร่วมด้วยช่วยกันแบ่งเบาภาระ  ส่งเครื่องไม้เครื่องมือสนับสนุนให้เขาได้ใช้ยามจำเป็นอย่างพอเพียง สุดท้ายปลายทางประโยชน์มันก็จะตกอยู่กับพวกเรา เขานั้นป็นเพียงสะพาน ที่เชื่อมโยงน้ำใจคนไทย

นอกจากจากการวิ่ง 2,191 กิโลเมตรแล้ว  ระหว่างทางยังต้องมีการร่วมกิจกรรมกับประชาชนมากมาย ทั้ง เซลฟี่ รับของ ร้องเพลง เล่นฮูลาฮูป ถ่ายรูป  เรียกได้ว่า พี่ตูนสามารถทำได้ทุกอย่าง จนครองใจชาวไทยไม่ว่าไปที่ไหนก็ได้ของฝากเพียบตลอดเส้นทาง จนของฝากตลอดเส้นทางก็สามารถเรียกรอยยิ้มได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะผ่านเส้นทางไหนก็ได้ของฝากประจำจังหวัดนั้นๆด้วยหรือเทศกาล ไม่ว่าจะเป็น ปลาเค็ม หมูหัน โอ่งมังกร หมวกซานตาคลอส ใบต้นตูน ไข่ไก่ เสื้อผ้าประจำจังหวัด และของกินสารพัดชนิด ขณะเดียวกันในแต่ละวันก็มีผู้ช่วยที่เป็นนักร้อง นักแสดงในวงการบันเทิงจำนวนมาก มาร่วมวิ่งรับบริจาคกับ “ตูน บอดี้สแลม” และช่วยสร้างสีสันให้กับการวิ่งในครั้งนี้ รวมทั้งในจังหวัดที่เขาไม่ได้วิ่งผ่าน ก็ได้พวกเขาเหล่านี้ ในการที่จะช่วย “วิ่งเก็บตก” ระดมทุนเงินบริจาคเพื่อนำเงินมาสบทนทุนในหลายเส้นทาง

 

เพียงแค่ 39 วัน “ตูน บอดี้สแลม” สามารถระดมรับเงินบริจาคทะลุ 700 ล้านบาท ที่จ.ชัยนาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในแต่ละวันก็ได้เงินบริจาคเพิ่มมาอีกจำนวนมากจนทะลุ 1000 ล้านบาท ก่อนที่จะมาถึง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ปลายทางของการวิ่งในครั้งนี้  สำหรับสาเหตุที่ต้องวิ่งเพื่อโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศนั้น เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด มีขนาดใหญ่ หากการเพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ ก็จะช่วยให้คุณภาพในการรักษาผู้ป่วยดีขึ้นตามมา นี่คือเป้าหมายของโครงการก้าวคนละก้าว เบตง-แม่สาย ในครั้งนี้

การตื่นตั้งมาวิ่งตั้งแต่เช้าตรู่ ตลอดระยะเวลา 55 วันที่ผ่านมา เพื่อออกวิ่งระดมทุน อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นในการช่วยเหลือทำให้แพทย์ พยาบาล ประจำโรงพยาบาล ให้มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยในการรักษาประชาชน และ ตูน บอดี้สแลม เคยกล่าวไว้ว่า  "ผมวิ่งแค่ 55 วัน แต่คุณหมอและพยาบาล วิ่งช่วยเหลือประชาชนตลอดชีวิต ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเท่านั้น ส่วนคุณหมอ และพยาบาล คือบุคคลที่สำคัญในการช่วยชีวิตประชาชน”

การ “ก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” ครั้งนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องเจออาการบาดเจ็บจากการเซลฟี่  การร่วมกิจกรรมระหว่างทางอย่างหนักหน่วง  จนมีภาพ “ตูน บอดี้สแลม” ทรุดลงไปนั่งกับพื้นหลายครั้ง นอกจากอาการบาดเจ็บสะสมที่ต้องหยุดพัก เขาต้องเผชิญกับสภาพอาการที่เปลี่ยนแปลง ทั้ง ฝนตกหนัก อากาศร้อน และลมหนาว ทำให้เขาต้องหยุดพักเพราะไข้หวัดเล่นงาน  จนหลายวันต้องใช้วันพักมาวิ่งเพื่อให้ครบตามเป้าหมาย  แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ “ตูน บอดี้สแลม” ย่อท้อ ทุกก้าวของเขานอกจากจะได้รับเงินบริจาคแล้วยังสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนในพื้นที่  ไม่เฉพาะ 22 จังหวัดที่เขาและทีมงานก้าวผ่าน แต่ยังสร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยทั้งประเทศ กับการ “ก้าว” ที่ไกลที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนนี้.. “อาทิวราห์ คงมาลัย”

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ