เมื่อวันที่ (8 ม.ค. 61) นางอนุสรา วงศ์สนิท ผู้เสียหาย เปิดเผยผ่านรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจากตนมีคดีกับสามีที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยสามีได้แอบอ้างปลอมแปลงลายมือชื่อของตน เพื่อไปกู้เงิน พอจะแจ้งตำรวจก็กลัวสามีจะมีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือเรื่องคดี ตนเองไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้หาทนายจากในเฟซบุ๊ก แต่ไม่มีทนายคนไหนรับทำคดีให้เพราะมีปัญหาเรื่องการเดินทางที่ค่อนข้างไกล จนได้ไปเจอเพจ”ประธานแมลงสาบ”ในเฟซบุ๊ก โดยเจ้าตัวรับปากว่าจะช่วยเหลือในเรื่องของคดีทั้งแพ่งและอาญา
จากนั้นได้มีการนัดเจอและตกลงรายละเอียดวันที่ 1 ธันวาคม แต่ก็ยังไม่พบทนายความและยังไม่มีการเสียจ่ายค่าใช้จ่ายใดๆ ต่อมามีการนัดพบกันอีกครั้งในวันที่ 9 ธันวาคมที่ศาลายา ในวันนั้นได้มีการตกลงเรื่องของคดีและได้ให้ดูค่าใช้จ่ายต่างๆ คือ คดีแพ่งราคา 75,000 บาท และคดีอาญา 75,000 บาท โดยต้องโอนเงินภายในบ่าย 2 โมงของวันนั้น หลังโอนเงินเสร็จก็ไม่มีทนายโทรมาหา
หลังจากโอนเงินผ่านไปหลายวันจนวันที่ 17 ธันวาคม ประธานเพจได้โทรศัพท์นัดให้ไปหาเรียกคุยเรื่องคดี เพื่อนัดแนะว่าวันที่ 18 ธันวาคมจะต้องขึ้นศาล จึงได้ไปพบกับเจ้าของเพจซึ่งมากับใครหนึ่งคนที่ไม่ใช่ทนาย และได้บอกว่าไม่ต้องให้ตนไปขึ้นศาลด้วย หากไปขึ้นศาลก็จะไม่ส่งทนายไป จากที่ได้ฟังในตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมห้ามไม่ให้ไป แต่ยังไงตนก็ยื่นยันที่จะไปฟังให้ได้
จนท้ายที่สุด รู้ตัวว่าถูกหลอกจึงต้องหาทนายคนใหม่เพื่อที่จะขึ้นศาลให้ทันในวันที่ 18 ธันวาคม ทำให้ตนต้องเสียเงินให้กับทนายคนใหม่อีกรอบ ส่วนเงิน 1.5 แสนบาทที่ถูกหลอกไปก็ไม่ได้คืน โดยมีการติดต่อไปที่ประธานเพจเพื่อขอเงินคืน แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่าให้เขียนจดหมายยกเลิกสัญญา หลังจากเขียนเสร็จจะโอนเงินคืนให้ แต่ปรากฎว่าไม่มีการคืนเงินแต่อย่างใดและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ตอนนี้เดือดร้อนมากเพราะต้องเลี้ยงลูก 4 คนด้วยตัวคนเดียว ส่วนพ่อของเด็กทิ้งไปอยู่กับชู้ก็ไม่เคยส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ลูกๆ
ด้านทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวว่า ตามหลักความเป็นจริงแล้วทนายต้องให้ลูกความไปขึ้นศาลด้วย ที่น่าสงสัยคือทนายยังไม่เคยพบลูกความ และนัดลูกความเพียงวันเดียวก่อนขึ้นศาลเป็นสิ่งที่ช้าเกินไป เพียงวันเดียวไม่สามารถเตรียมเอกสารได้ทันแน่นอน ทั้งที่ความจริงแล้วทนายจำเป็นที่จะต้องสอบถามข้อเท็จจริงกับลูกความก่อน เพื่อที่จะไปสู้กันที่ชั้นศาล
อีกประเด็นที่น่าสงสัยคือทำไมต้องไม่ให้ผู้เสียหายเจอกับตัวทนายความตั้งแต่ต้น จากสัญญาที่ได้พบในเฟซบุ๊กของเพจประธานคนนี้พบสีปากกาในสัญญาไม่เหมือนกัน โดยผู้เสียหายระบุว่าตนเพียงแค่เซ็นชื่ออย่างเดียวเท่านั้น แต่ในสัญญากลับพบว่ามีสีปากกาที่ระบุเกี่ยวกับการสู้คดีอีกสีหนึ่งถูกเขียนขึ้น ซึ่งการกระทำแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย คือ ปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง
ส่วนการที่ให้ผู้เสียหายเขียนจดหมายยกเลิกสัญญาขึ้นมา เพื่อเป็นหลักฐานให้ประธานเพจนั้นพ้นความผิดทางอาญา เนื่องจากความจริงแล้วทางเพจนั้นไม่มีทนายความอย่างที่ทำการตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้
นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต ที่ปรึกษาสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย และเจ้าของเพจประธานแมลงสาบกล่าวว่า ที่ไม่ได้ส่งทนายให้กับนางอนุสรา วงศ์สนิท ผู้เสียหาย เป็นเพราะผู้เสียหายยังไม่ได้ถอนทนายเก่าออกก่อน โดยผู้เสียหายเป็นคนเสนอเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีนี้ 3 แสนบาทด้วยตนเอง ส่วนเอกสารที่ยื่นให้นางอนุสรา ในวันนั้นคือเอกสารตัวเงินในการจ้างทนายความที่กำหนดเอาไว้ โดยต้องการให้ผู้เสียหายไปถอนแจ้งความภายใน 7 วัน จึงจะยอมจ่ายเงิน 1.5 แสนบาทคืนทันที หากไม่ยอมถอนแจ้งความจะฟ้องกลับข้อหาละเมิด
ดูคลิปเต็มได้ที่ : ร้อง! ถูกเชิดเงินค่าทนาย 150,000 บาท?