เมื่อวันที่ (11 ม.ค. 61) น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดใจกับรายการว่า บัตรประชาชนได้หายในวันที่ 6 ตุลาคม จากนั้นวันที่ 7 ตุลาคม ได้ไปทำบัตรประชาชนใหม่ทันที วันที่ 8 ธันวาคม 2560 มีธนาคารไทยพาณิชย์ได้โทรศัพท์เข้ามาว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติในบัญชี จากนั้นวันที่ 10 ธันวาคม 2560 ได้เดินทางที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้พนักงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ความว่ามีการเปิดอีก 1 บัญชีที่แปลกปลอม และได้ติดตามคนร้ายที่นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 9 บัญชี ให้แก๊งคอล เซ็นเตอร์ กระทั่งถูกพนักงานสอบสวน สภ.บ้านตาก จ.ตาก ออกหมายจับ ต่อมาได้เข้าพบตำรวจกองปราบปราบ เมื่อวันที่ 6 มกราคม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่ถูกนำตัวส่ง สภ.บ้านตาก หลังได้รับการประกันตัว จึงเข้าแจ้งความในวันนี้ และขอให้ธนาคารทุกแห่งมีความรัดกุม ในการรับเปิดบัญชี ตรวจสอบใบหน้าหรือหลักฐานของผู้เปิดบัญชี เพราะบัตรประชาชนที่คนร้ายนำไปใช้ ได้แจ้งยกเลิกแล้ว
ต่อมาวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ได้รับหมายเรียกมาที่บ้านแต่ตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ที่บ้านจึงให้ญาติฝากเบอร์ติดต่อไว้ แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด ต่อมาวันที่ 4 มกราคม 2561 ได้มีตำรวจกองปราบมา 3 นาย เพื่อมาจับกุมมาถึงที่ทำงาน
จากนั้นได้เดินทางไปที่จังหวัดตาก เพื่อที่จะยืนยันความบริสุทธิ์แต่ถูกศาลตัดสินให้จำคุกก่อนจะได้ถูกรับประกันตัวในอีก 3 วันต่อมา อยากจะขอความเป็นธรรมและหาคนร้ายตัวจริงมารับผิด
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่บัตรประชาชนหายแล้วติดคุก แต่เป็นเรื่องที่มีการทำผิดกฎหมาย ฉ้อโกงประชาชน สิ่งที่ควรจะรับรู้คือการที่ได้รับหมายเรียกแสดงว่าตำรวจต้องการข้อเท็จจริงประชาชนต้องไปให้ข้อเท็จจริงเป็นหน้าที่ แต่ถ้าไม่ไปให้ข้อเท็จจริงตามหมายเรียก 2 ครั้ง อันนี้มีเหตุออกหมายจับได้ กรณีน้องนิชา เจ้าตัวทราบอยู่แล้วว่ามีหมายเรียกโดยครั้งแรกออกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560และครั้งที่ 2 ออกเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2560 ซึ่งไม่ไปทั้ง 2 ครั้ง หากไปพบตำรวจตั้งแต่ครั้งนั้นวันนี้คงไม่เกิดเรื่อง
ในเรื่องนี้ธนาคารต้องรับผิดชอบ เพราะผู้ที่มาเปิดบัญชีธนาคารจะต้องเป็นเจ้าของบัตรประชาชนตัวจริง โดยพนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจ คือ การที่คนมาเปิดบัญชจะต้องมีการตรวจสอบประวัติจะต้องดูหน้าตาให้ตรงกับบัตรประชาชน ที่สำคัญคนที่จะเปิดบัญชีได้ต้องเป็นคนมีฐานะพอสมควร ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เข้าใจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง การที่ออกหมายจับเพราะเชื่อในกระบวนการของธนาคาร แต่ก็ไม่คิดว่าธนาคารจะหละหลวมขนาดนี้ ในคดีนี้อยากจะให้ใจเย็นๆความจริงจะปรากฎ
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดี สำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจ้งว่า ตามประมวลกฎหมายอาญาวิธีพิจารณา มาตรา 55 การส่งหมายเรียกแก่ผู้ต้องหาจะต้องห้ามส่งหมายให้ผู้อื่น หากจำเป็นต้องส่งก็ควรเซ็นต์กำกับไว้ที่หางหมาย ถ้าไม่ได้รับหมายจะถามว่าขัดหมายได้หรือไม่ ถือว่าไม่ได้ขัดหมาย
ต่อมาเรื่องการสอบสวน คือ ให้ผู้ต้องหาทราบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น อีกประเด็นคือ การจะออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีหลักฐานแน่ชัดว่าผู้ต้องหาคนนี้กระทำความผิดจริง คำถามคือ ได้มีการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้วหรือยัง? แต่ข้อเท็จจริงคือ ตำรวจบ้านตากเพิ่งมาสอบพนักงานธนาคารวันนี้
อีกประเด็น ตามมาตรา 66 เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลนั้นน่าจะเป็นคนทำผิด ความจริงสังคมเราก็แปลกที่ชอบบีบบังคับให้ตำรวจจับกุมคนร้ายโดยเร็วที่สุด ทั้งๆที่ยังไม่มีพยานหลักฐาน หากตำรวจออกหมายเรียกให้ธนาคารมาพบแต่ล่าช้าแบบนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในระบบตรงนี้เพื่อให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์
กรณี สภ. บ้านตาก การออกหมายมาเพื่อต้องการข้อเท็จแต่จะต้องขังหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ควรจะพิจารณาว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนีหรือไม่ สิ่งที่อยากจะฝากถึงพนักงานสอบสวนคือ ไม่ต้องขังคุกก็ได้เพราะไม่ใช่หมายที่จับไปให้ศาล แต่เป็นหมายที่จับให้พนักงานสอบสวน แต่อยากจะให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจใช้อำนาจในการสอบสวนปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีประกันกับพนักงานสอบสวน ต่อมามีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องอยู่ในความควบคุมของศาล ถ้าไม่จำเป็นความเห็นส่วนตัวคือ ไม่ต้องฝากขังต่อ ผัดฟ้องอย่างเดียว ถ้าตำรวจสอบโดยชัดแจ้งความยุติธรรมทั้งหมดอยู่ที่ตำรวจ
ชมคลิปเต็มที่ : เป็นเรื่อง! ตร. ยัน ส่ง “ณิชา” ฝากขังถูกต้องตาม กม. เพราะมูลค่าความเสียหายสูง