เมื่อวันที่ (19 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจราจรแออัดบนท้องถนนใจกลางกรุงเทพฯ ก่อให้เกิดฝุ่น ควัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็กบางเบาเหล่านี้กลับส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือที่เรียกว่า PM 2.5 ที่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และกระแสเลือดได้โดยตรง State of Global Air ให้ข้อมูลว่า ผลกระทบจาก PM 2.5 ทำให้คนไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 37,000 คนต่อปี แต่ปัจจุบันค่า PM 2.5 ไม่ถูกนำมาคำนวณในดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทย อีกทั้งค่ามาตรฐานการวัดค่าฝุ่นละอองในไทยยังไม่ใกล้เคียงกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก จึงเป็นข้อกังวลว่า หากคนไทยยังไม่ตระหนักในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบในระยะยาว โดยเฉพาะปัญหาด้านระบบสาธารณสุขในประเทศ
แต่ความพยายามแก้ปัญหาด้วยการควบคุมค่าฝุ่นละอองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานมีมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กรุงเทพมหานครร่วมกับกรมควบคุมมลพิษจัดโครงการนำร่องเขตอากาศสะอาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นในขึ้น โดยเลือกเขตปทุมวันเป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อเป็นแนวทางควบคุมคุณภาพอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
แนวทางการแก้ไขหลักคือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง สร้างการตระหนักรู้ให้กับประชาชนในการลดการสัญจรด้วยรถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แต่ขณะเดียวกันระบบขนส่งสาธารณะก็ต้องเชื่อมต่ออย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ รองรับให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ข้อมูลในปี 2560 สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษมีเพียง 25 สถานี ใน 18 จังหวัดที่สามารถตรวจวัดและรายงานค่า PM 2.5 ได้ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผลการตรวจวัดในเขตกรุงเทพมหานครยังมีค่าเฉลี่ยรวมของ PM 2.5 เกินมาตรฐานตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก และเกณฑ์ของประเทศไทยเอง กรมควบคุมมลพิษจึงเตรียมการขยายสถานีตรวจวัด PM 2.5 ให้ครอบคลุมในปี 2563 เพื่อให้สามารถนำมาวัดเป็นค่าดัชนีคุณภาพอากาศ นำไปสู่การสร้างอากาศสะอาดอย่างยั่งยืนในอนาคต
พิพัฒน์ ปิ่นหิรัญ ถ่ายภาพ
กชวรรณ ปักครึก พีพีทีวี รายงาน