วันนี้ (1 ก.พ.61) การที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แก้ไขวิธีการเลือก ส.ว. คือประเด็นที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า จะต้องศึกษาโดยละเอียด เพราะสิ่งที่ถูกปรับแก้ไข ไม่ตรงตามเจตนารมณ์เดิมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงมีความเป็นไปได้สูงว่า อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ระบุให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการเข้าถึงการสมัครเป็นส.ว.
โดยในร่างกฎหมายส.ว.เดิม ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญออกแบบไว้กำหนดวิธีคัดเลือกผู้สมัคร ส.ว. ด้วยวิธีเลือกไขว้จากกลุ่มวิชาชีพ 20 กลุ่ม แต่หลังกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกปรับแก้ให้ลดกลุ่มอาชีพเหลือ 10 กลุ่ม แต่ตัดข้อกำหนดเลือกการเลือกไขว่เหลือเพียงการเลือกกันเองในกลุ่ม ประเด็นนี้นายมีชัย ระบุว่า อยากหารือกับ สนช.เพื่อชี้แจงให้เข้าใจว่าจุดประสงค์ของการคัดเลือก ส.ว. จากกลุ่มอาชีพเกิดจากความต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ทั้งนี้ส่วนร่างกฎหมาย ส.ส. ที่ถูกปรับแก้ให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก 90 วัน ส่งผลให้โรดแมปการเลือกตั้งขยับออกไป ด้าน นายมีชัย ระบุว่า เหตุผลที่ สนช.ขยายเวลาเพื่อให้พรรคการเมืองทำไพรมารี่โหวตทัน เป็นคำชี้แจงที่ฟังขึ้น เพราะส่วนตัวยอมรับว่า โรดแมปเดิมอาจจะทำไพรมารี่โหวตไม่ทัน และก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ตอนกฎหมายลูก
ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ถ้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก ในขั้นตอนที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และ กกต.พิจารณา ก็จะไม่มีปัญหา แต่หากเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ก็อาจนำไปสู่ขั้นตอนที่พูดถึงกันก่อนหน้านี้ คือ การคว่ำร่างกฎหมายของสมาชิก สนช. หรือ การยื่นศาลรัฐธรรมนูญช่วยตีความ แต่หากถามจุดยืนในตอนนี้ นายพรเพชรยืนยันว่า ไม่มีการตั้งธงที่จะคว่ำกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะนำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเข้าหารือร่วมกัน มีระยะเวลาดำเนินการจนถึง 9 ก.พ. หากเห็นด้วยกับร่างกฎหมายที่ สนช.ปรับแก้ไข จะส่งคืนให้ สนช.พิจารณา ก่อนจะส่งให้นายกรัฐมนตรีตรวจทานก่อนยื่นทูลเกล้าฯ แต่หากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญไม่เห็นด้วย จะต้องตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย คือ สนช. กรธ. และกกต. ซึ่งจะมีระยะเวลาปรับแก้ไขกฎหมาย 15 วัน