เมื่อวันที่ (8 ก.พ. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี ในวาระที่ 2-3 เป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่าง พ.ร.บ.อีอีซี ดังกล่าวมีสาระสำคัญคือการกำหนดให้พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวันออกที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกและเชื่อมโยงกันเป็นระบบโดยสมบูรณ์ เพื่อเตรียมประกาศใช้กฎหมายอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
ด้าน นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า หากร่าง พ.ร.บ.อีอีซี ผ่านการพิจารณาแล้วจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งโครงการอีอีซีจะเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน และในปีนี้รัฐจะสามารถเริ่มลงทุนใน 5 โครงการ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง , ท่าเรือมาบตาพุด แหลมฉบัง ระยะที่ 3 , สนามบินอู่ตะเภา โดยจะออกเงื่อนไขการประมูลทีโออาร์และหาผู้ลงทุนให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้โครงการดังกล่าวเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังจากที่ห่างหายการลงทุนขนาดใหญ่มาเป็นระยะเวลานาน