นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกรานาดา นำโดย ศ.มิเกล เซซิลิโอ โบเตญา โลเปซ (Miguel Cecilio Botella López) ได้ทำการซีทีสแกนกระดูกของมัมมี่วัยรุ่นชายและหญิง 2 ร่าง ที่พบในสุสานคูบเบต เอล-ฮาวา (Qubbet el-Hawa) ใกล้กับเมืองอัสวาน (Aswan) ประเทศอียิปต์ เพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด
ผลการทำซีทีสแกนแสดงให้เห็นว่า มัมมี่ทั้งสองร่างป่วยเป็นมะเร็ง โดยผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม เมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ขณะที่ผู้ชายป่วยเป็นมะเร็งไขกระดูกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “มัยอิโลม่า (myeloma)” โดยเสียชีวิต 200 ปีให้หลัง
นับเป็นครั้งแรกที่พบร่องรอยของโรคมะเร็งในมัมมี่จากยุคปลายของอารยธรรมอียิปต์โบราณ และถือว่าเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ศ.โบเตญา โลเปซ บอกว่า มันน่าทึ่งมากที่มะเร็งที่พบในมัมมี่สองร่างนั้นคล้ายกันกับมะเร็งที่พบในผู้ป่วยปัจจุบัน แสดงว่าในสมัยโบราณมีโรคมะเร็งเกิดขึ้นแล้ว และชัดเจนว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับร่างกายมนุษย์
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่า มัมมี่ทั้งสองมาจากราชวงศ์ที่มีฐานะและมีทรัพยากรมากพอสำหรับดูแลผู้ป่วยจนกระทั่งเสียชีวิต แม้ว่าในสมัยนั้นจะยังไม่มีวิธีรักษาโรคมะเร็งก็ตาม