สหรัฐอเมริกาเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศอิสราเอลแห่งใหม่ ในนครเยรูซาเลม อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการย้ายมาจากกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงและเมืองเศรษฐกิจของประเทศ โดยนางอิวานกา ทรัมป์ ลูกสาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสามี ซึ่งทั้งคู่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาว และรัฐมนตรีคลัง นายสตีฟ มนูชิน ได้เดินทางมาร่วมพิธีในวันนี้ด้วย ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ได้มาร่วมงาน ได้กล่าวแสดงความยินดีผ่านทางวีดีโอลิงก์ โดยระบุว่าการเปิดสถานทูตที่เยรูซาเลมเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะยังยึดมั่นที่จะอำนวยความสะดวกในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืน
พิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในนครเยรูซาเลม เกิดขึ้นท่ามกลางการชุมนุมประท้วงของชาวปาเลสไตน์บริเวณชายแดนฉนวนกาซาติดกับอิสราเอล ซึ่งได้บานปลายเป็นเหตุปะทะกับกองกำลังอิสราเอล โดยทหารอิสราเอลได้ใช้กระสุนจริงและแก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ประท้วงที่พยายามข้ามชายแดนเข้ามายังฝั่งอิสราเอล และใช้หินและระเบิดขวดขว้างปาเป็นอาวุธ ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะครั้งนี้แล้วกว่า 1,800 คน และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 41 คน ซึ่งเป็นการเสียชีวิตมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่สงครามกาซาเมื่อปี 2014
การประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ยอมรับว่านครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวปาเลสไตน์ และสวนทางกับท่าทีของประชาคมโลกส่วนใหญ่ เนื่องจากสถานะของนครเยรูซาเลมเป็นหัวใจของกรณีพิพาทระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลมองว่านครเยรูซาเลมทั้งหมด รวมถึงดินแดนเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งได้ยึดและผนวกเข้ามาภายหลังสงครามตะวันออกกลางในปี 1967 เป็นเมืองหลวงที่แบ่งแยกไม่ได้ ซึ่งอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเยรูซาเลมนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ และตามข้อตกลงสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ในปี 1993 สถานะสุดท้ายของนครเยรูซาเลม จะมีการหารือกันในขั้นตอนท้ายๆ ของการเจรจาสันติภาพ ขณะที่ฝ่ายปาเลสไตน์ต้องการให้ดินแดนเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของประเทศที่ต้องการก่อตั้งในเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาในอนาคต