พ่อแม่มือใหม่จงฟัง!! 8 วิธีคลายปัญหาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หลังจากไม่กี่วันที่ผ่านมาก็เข้าสู่ช่วงเปิดเทอมอย่างเป็นทางการแล้ว นอกจากจะเป็นการไปโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กที่ต้องไปโรงเรียนอนุบาลครั้งแรกแล้ว ยังเป็นครั้งแรกของพ่อแม่มือใหม่ที่แสนจะตื่นเต้นกับการไปโรงเรียนครั้งแรก บางบ้านลูกไม่มีปัญหากับการไปโรงเรียน แต่บางบ้านก็ประสบปัญหาลูกน้อยไม่อยากไปโรงเรียน วันนี้ทีมนิวมีเดียพีพีทีวี จะแนะวิธีที่ควรและไม่ควรเพื่อให้ลูกรักอยากไปโรงเรียนกัน

เด็กอนุบาลที่มีอยู่ประมาณ 7 แสนคนทั่วประเทศในปีนี้ ที่ได้ไปโรงเรียนครั้งแรกในชีวิตเมื่อเปิดเทอมครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม หลายครอบครัวอาจจะดีใจที่ลูกได้ไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้ เป็นจุดเริ่มต้นของพวกเขา แต่ปัญหาสำหรับพ่อแม่จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่ามีอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทแรกที่พบบ่อยคือเด็กไม่ยอมไปโรงเรียนที่จะพบบ่อยใน เด็กอนุบาลที่ไปโรงเรียนครั้งแรก และประเภทที่ 2 อาจพบในเด็กวัยประถมศึกษาตอนต้นเช่นกัน เนื่องจากปิดเทอมมานานและเคยนอนตื่นสายจนชิน ซึ่งปัญหาการไม่อยากไปโรงเรียนแต่ละช่วงวัยแตกต่างกัน

นพ.สมัย ศิริทองถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ในเด็กวัยอนุบาลเป็นเรื่องของการแยกจากพ่อแม่ บางคนร้องไห้อยู่ 1-2 วันแรกก็หยุด บางคนอาจร้อง 1-2 สัปดาห์ บางคนร้อง 1-2 เดือนขึ้นกับพื้นฐานอารมณ์ของเด็กแต่ละคน การปรับตัว วิธีเลี้ยงดูและท่าทีของพ่อแม่ นอกจากนี้บางคนอาจมีพฤติกรรมถดถอย เช่น ดูดนิ้ว กัดเล็บ งอแง นอนไม่หลับ ปัสสาวะรดที่นอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ หากพ่อแม่ให้ความเข้าใจ และช่วยประคับประคอง ลูกก็จะผ่านช่วงนี้ไปได้


“การเตรียมลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นพัฒนาการของเด็กที่ต้องแยกจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ออกจากสังคมในครอบครัว เพื่อไปเรียนรู้การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมใหม่ที่โรงเรียนซึ่งจะมีอิทธิพลต่อเด็กมาก เด็กจะได้เรียนรู้ทางวิชาการ ฝึกการเขียนอ่าน ได้เล่น ฝึกการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม และเป็นพัฒนาการของพ่อแม่เองด้วย เป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ว่าลูกเป็นอีกปัจเจกบุคคลหนึ่ง ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่จึงต้องให้ความสำคัญ”

หากมีปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียน กรมสุขภาพจิตได้มีการแนะนำไว้ 8 วิธีด้วยกัน เพื่อช่วยขจัดปัญหากวนใจพ่อแม่มือใหม่ในช่วงเปิดเทอม

1. ไม่ตามใจเด็ก ให้พูดด้วยเหตุผลถึงประโยชน์ของการไปโรงเรียนและยืนยันว่าลูกต้องไปโรงเรียนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ต้องไม่ข่มขู่ บังคับลูก ดุหรือตีลูก
2. ในระยะแรกอาจต้องไปส่งลูกด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อให้ลูกมั่นใจ ลดความกังวลต่อการแยกจาก
3. กอดลูกทุกเช้าก่อนเดินทางไปโรงเรียนหรือก่อนแยกกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูก ให้เด็กเรียนรู้ว่าการแยกกันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เด็กจะมีการเติบโตทางจิตใจมากขึ้น
4. ควรไปรับลูกให้ตรงเวลาหลังเลิกเรียน ไม่ควรทิ้งให้ลูกรอนานๆ เพราะจะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกเป็นกังวลได้
5. ชวนลูกพูดคุยถึงเพื่อนและครูที่โรงเรียน เพื่อให้ลูกได้เล่าสิ่งที่พบเจอมาในแต่ละวันให้พ่อแม่ฟัง
6.สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง เพราะเวลาไปโรงเรียนลูกต้องทำอะไรด้วยตัวเอง จะได้ไม่รู้สึกแปลกแยกหรือด้อยกว่าเพื่อน
7.ไม่ควรอยู่เฝ้าลูกที่โรงเรียน เนื่องจากจะส่งผลให้เด็กปรับตัวกับคนอื่นได้ช้า คอยพะวงมองหาพ่อแม่ที่นั่งเฝ้าอยู่
8. พยายามลดความตึงเครียดของการไปโรงเรียนให้มากที่สุด เช่นเตรียมอุปกรณ์การเรียน ขุดนักเรียนไว้ให้พร้อมล่วงหน้า เพื่อที่จะไม่ต้องเร่งรีบในตอนเช้า จะช่วยลดความเครียดทั้งกับลูกและพ่อแม่ได้ดี


หลังจากเปิดเทอมไประยะหนึ่งนั้น ปัญหาและพฤติกรรมไม่อยากไปโรงเรียนของเด็กจะดีขึ้นเรื่อยๆ พญ.กุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ระบุว่า ส่วนใหญ่จะหายไปไม่เกิน 1 เดือน แต่หากพบปัญหา คือ  ลูกมีปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรง เช่นเริ่มก้าวร้าว ขว้างของ ทำร้ายหรือทุบตีพ่อแม่ ลูกมีอารมณ์ซึมเศร้าต่อเนื่อง เช่น ดูไม่มีความสุข เก็บตัว ร้องไห้บ่อยๆ มีอาการทางกาย บ่อยๆ เช่นปวดหัว ปวดท้อง เป็นต่อเนื่องกันนานหลายเดือนและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น และคุณพ่อคุณแม่เกิดความเครียดมาก ควบคุมลูกไม่ได้เลย อาจต้องยอมให้ลูกหยุดโรงเรียนมาหลายวันหรือเป็นสัปดาห์แล้ว แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือกุมารแพทย์ หรือที่สายด่วนสุขภาพจิต1323 เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขได้อย่างตรงจุด เพราะยิ่งปล่อยไว้นานวัน ปัญหาก็จะยิ่งแก้ยากขึ้นเรื่อยๆ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ