โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่มีผลต่อภาคการขนส่งโดยตรงเพราะขณะนี้มีราคาเฉียด 30 บาทต่อลิตรเข้าไปทุกที
รายแรกที่ได้รับผลกระทบคือ รถโดยสาร
นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร เดินทางเข้าพบและยื่นหนังสือถึง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารอีก 10 สตางค์ต่อกิโลเมตรเพราะราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการแต่ถ้าไม่ได้รับการพิจารณาจะปรับลดเที่ยววิ่งให้บริการแต่ละเส้นทางลง เพราะผู้ประกอบการรถร่วม บขส. ประมาณ 10,000 คัน หรือ 95% ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด จึงได้รับผลกระทบโดยตรง
ซึ่งต่อมานายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้บอกถึง ข้อเรียกร้องของสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร ว่า ที่จะยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะที่ปรึกษาของกรมการขนส่งทางบกยังอยู่กำหนดโครงสร้างคำนวนค่าโดยสารใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ก่อนเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางเป็นผู้พิจารณา ดังนั้นในระหว่าง 2 เดือนนี้จึงยังไม่สามารถขึ้นค่าโดยสารได้
กระทบต่อมาคือ เรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ
นายเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาจำกัด เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเกินกว่าลิตรละ 29 บาท ภายในระยะเวลา 15 วัน จะสามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้ ดังนั้นหากครบแล้วราคาน้ำมันดีเซลยังไม่ปรับลดลง ตามหลักการจะต้องปรับค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาขึ้นเที่ยวละ 1 บาท แต่ถ้ากรมเจ้าท่าได้ทำหนังสือมายังสมาคมเรือไทยขอความร่วมมือชะลอการบังคับใช้ข้อตกลงออกไปก่อน โดยขอให้รอผลการศึกษาโครงสร้างต้นทุนอัตราค่าโดยสารใหม่ ซึ่งกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดคาดว่าแล้วเสร็จภาย 30 มิ.ย.นี้ ทำให้เรือด่วนเจ้าพระยายังไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ ต้องชะลอออกไปอีกเดือนกว่าๆ
ด้านนายชวลิต เมธยะประภาส นายกสมาคมเรือไทย และผู้ให้บริการเรือคลองแสนแสบ จะติดตามแนวโน้มราคาน้ำมันต่อเนื่องอีก 2 สัปดาห์ หากราคาน้ำมันดีเซลไม่ลดจะหารือกับกรมเจ่าทาเพื่อขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารอีก 1 บาท
แต่ที่กระทบกับประชาชนมากที่สุดคือ ราคาแก๊สหุงต้ม ที่ช่วงเดือน พ.ค. นี้ราคาขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมๆ แล้วประมาณ 3 ครั้ง โดยราคาแก๊สหุงต้มขนาดถัง 15 กิโลกรัมจากครั้งแรกราคาอยู่ที่ถังละ 353 บาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ราคาขยับมาล่าสุด 395 บาท ขยับขึ้น 42 บาท เมื่อรวมกับค่าขนส่งทำให้ราคาแก๊สหุงต้มพุ่งทะลุไปกว่า 400 บาท ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีผลไปถึงราคาอาหารตามร้านค้าต่างๆ แน่นอน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จึงต้องจับตาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้พ่อค้าแม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา
โดยนายบุณยฤทธิ์ มิตรแท้ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ราคาที่ขยับขึ้นทำให้เงินลงทุนอาหารจานด่วนเพิ่มขึ้นเพียงจาน/ถ้วยชามละ 15-20 สตางค์ โดยคำนวณจากแก๊สเหลว 1 ถัง ประกอบอาหารได้ 200-300 จาน/ถ้วยชาม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ประกอบกิจการอาหารจานด่วนจะขึ้นราคาขายเพราะกระทบต้นทุนต่อจานไม่ถึง1 บาท
ตามมาที่ “ค่าไฟ” อีก 6 เดือนขึ้นแน่ๆ
โดยนายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ในฐานะโฆษก กฟผ. บอกว่า ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นมาอยู่ระดับเกือบ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะสะท้อนไปยังต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติหรือเอฟที ที่จะปรับเพิ่มขึ้นตาม ใน 6 เดือนข้างหน้า หรือประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 แต่ทั้งนี้จะปรับขึ้นหรือเกลี่ยให้คงที่คงต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือกกพ. เป็นสำคัญ
กระทรวงพลังงานเล็งดึงเงินกองทุนน้ำมันอุ้มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ราคาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องนี้ ทางกระทรวงพลังงาน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลเข้าที่ประชุม กบง.พิจารณาสัปดาห์นี้ โดยจะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันที่มีอยู่เงินอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทมาเป็นเครื่องมือในการรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยหากในอนาคตราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นสูงกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะนำเงินกองทุนฯเข้าอุดหนุน 50% ของราคาที่จะเพิ่มขึ้น คือ หากราคาน้ำมันโลกปรับเพิ่มขึ้น 1 บาท จะใช้เงินกองทุนเข้าไปอุดหนุน 50 สตางค์ โดยหากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เงินกองทุนจำนวน 3 หมื่นล้านจะช่วยพยุงราคาได้เป็นระยะเวลา 10 เดือน
ข้าวถุงหอมมะลิชิงนำขึ้นราคาไปก่อนหน้า 20-30 บาท
นอกจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นสะเทือนเงินในกระเป๋าแล้วก่อนหน้านี้ราคาข้าวถุงหอมมะลิก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำไปก่อนแล้วเช่นกัน โดย นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยและผู้บริหารข้าวมาบุญครอง กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวหอมมะลิในตลาดตลาดโลกและปริมาณข้าวหอมมะลิในช่วงนี้น้อยลง ส่งผลให้ข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ตามห้างสรรพสินค้าขณะนี้มีราคาปรับขึ้น 20-30 บาทต่อถุง แต่คงจะไม่ขึ้นมากกว่าราคาหน้าถุงอย่างแน่นอน
เมื่อค่าครองชีพเตรียมพาเหรดปรับราคาขึ้นหลายๆอย่างพร้อมกันขนาดนี้ หลายคนคงเปิดกระเป๋าคำนวณเงินกันจนปวดหัวแน่นอน
