นอกจากซีลแล้วยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ โดยเฉพาะชุดลาดตระเวนหาโพร่งถ้ำ มีการใช้กำลังจากหน่วยรบพิเศษหลักๆอยู่2หน่วยคือ ทีมของ “กรมรบพิเศษที่ 5 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กองทัพบก” และ “ตำรวจพลร่ม กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน”
โดยหน่วยที่อ้างอิงเหล่านี้ “บุคลากร”ของหน่วยแทบทุกนายจะต้องผ่าน “หลักสูตรรบพิเศษ” วันนี้ทีมข่าว “นิวมีเดีย” จึงรวบรวมหลักสูตรรบพิเศษหลักๆของแต่ละเหล่าทัพว่ามีหลักสูตรอะไรบ้าง
มาเริ่มกันที่ “กองทัพบก” มีหลักสูตรรบพิเศษ คือ “หลักสูตรจู่โจม” หรือที่รู้จักในชื่อ “เสือคาบดาบ”หลักสูตรนี้ถือว่ามีความลำบากและเหนื่อยยากที่สุดของกองทัพบก มีลักษณะคล้ายกับหลักสูตร “แรงเยอร์” ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ทำการฝึกโดยโรงเรียนทหารราบสหรัฐฯ ค่ายเบนนิ่ง รัฐจอร์เจีย
โดยวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ทหารสามารถรบแบบจู่โจม, ให้มีความอดทนต่อความเหนื่อยยากลำบาก , มีลักษณะความเป็นผู้นำสูง , สามารถนำหน่วยทหารขนาดเล็กอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับนักเรียนที่สมัครเข้ามารับการฝึกหลักสูตรจู่โจม จะต้องรับราชการทหารในชั้นยศสัญญาบัตร และชั้นประทวน สังกัดกองทัพบก จะไม่มีทหารกองประจำการ หรือ ทหารเกณฑ์เข้ามาฝึกในหลักสูตรนี้ แต่จะมีโค้วต้าให้เหล่าทัพอื่นและตำรวจเข้ามาร่วมฝึกด้วย
โดยหลักสูตรนี้มีระยะเวลา 10 สัปดาห์ แบ่งภาคการฝึกออกเป็น 4 ภาค คือ ภาคที่ตั้ง จำนวน16 วัน ภาคป่าที่ราบ จำนวน 19 วัน ภาคทะเล ป่าที่ลุ่ม จำนวน 14 วัน และ ภาคป่า ภูเขา จำนวน 21 วัน
ต่อมาคือ “หลักสูตรทหารเสือราชินี”หลักสูตรนี้ใช้เวลาฝึกทั้งสิ้นประมาณ 16 สัปดาห์ โดยแบ่งช่วงการฝึกไว้ คือการปรับสภาพร่างกายและจิตใจ เตรียมร่างกายให้พร้อมในการฝึกภาคต่อๆ ไป ระยะเวลา 4 สัปดาห์,การฝึกภาคป่า-ภูเขา ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ,การฝึกภาคทะเล ระยะเวลา 3 สัปดาห์ ,การฝึกภาคปฏิบัติการในเมือง ระยะเวลา 3 สัปดาห์ เน้นการปฏิบัติในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง ต่อต้านการก่อการร้ายสากลและการฝึกภาคอากาศ ระยะเวลา 2 สัปดาห์
ในส่วน “กองทัพเรือ” มีหลักสูตรรบพิเศษ คือ “หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ ซีล” เป็นหลักสูตรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับ1 ของความโหด และ หนักที่สุดของไทย เพราะในแต่ละปีมีผู้สมัครเข้าเรียนนับร้อยนาย แต่จบหลักสูตร ประมาณ 20 กว่านาย ล่าสุดรุ่นที่ 45 จบเพียง 25นายเท่านั้น
ความหฤโหดของหลักสูตรนี้อยู่ในช่วง “สัปดาห์นรก” ที่นักเรียนทุกคนต้องฝึกต่อเนื่อง 120 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก และ การแก้ปัญหาเชลยศึก เป็นขั้นตอนที่นักเรียนจะต้องผ่านให้ได้ หากนักเรียนคนใดใจไม่สู้ หรือ ร่างกายไม่ไหว ก็จะมีระฆังให้เคาะ ซึ่งนั่นหมายถึงการสิ้นสภาพการเป็นนักทำลายใต้น้ำจู่โจมทันที หลักสูตรนี้จึงมีคำพูดเสมอว่า “ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอ่อนแอ” คุณสมบัติของผู้เข้าเรียนหลักสูตร จะต้องเป็นทหารสัญญาบัตร และประทวน อายุไม่เกิน29ปี มีโค้วต้าให้เหล่าอื่นและตำรวจด้วย
โดยการฝึกใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 เดือน นับเป็นการฝึกหลักสูตรทางทหารที่มีระยะเวลานานที่สุดของไทย แบ่งออกเป็น 5 ช่วง คือ การแนะนำการฝึกเบื้องต้น ฝึกการออกกำลังกายและการฝ่าอุปสรรคต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ,การฝึกจริง ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ ,การฝึกแบบเข้มข้น หรือเรียกว่า "สัปดาห์นรก" ใช้เวลา 120 ชั่วโมง ,การฝึกสอนยุทธวิธีต่าง ๆ ,การฝึกยุทธวิธีในสภาพจริง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
หลักสูตรต่อมา คือ “รีคอน” หรือ “หลักสูตรลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกและจู่โจมนาวิกโยธิน” เป็นหลักสูตรที่หินไม่แพ้หน่วยซีล จนมีการพูดติดปากว่า “ซีลมีสัปดาห์นรก แต่นักรบรีคอนนรกทุกสัปดาห์”
โดย “นักรบรีคอน” ต้องฝึกการส่งกำลังทางอากาศ ปฏิบัติภารกิจแบบฉับพลันทางทะเล และฝึกยุทธวิธีรบหลากหลายรูปแบบทั้งในน้ำ บนฟ้า และฝั่ง ฝึกให้รบแบบ3มิติ
คุณสมบัติต้องรับราชการทหารอายุไม่เกิน 35ปีส่วนใหญ่นักเรียนที่เข้ารับการฝึกจะสังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ แต่จะมามีโค้วต้าให้เหล่าอื่น และตำรวจด้วยเช่นกัน
โดยการฝึกใช้ระยะเวลา13 สัปดาห์ แบ่งเป็นภาคที่ตั้ง 5 สัปดาห์ ภาคทะเล 4 สัปดาห์ ภาคป่าภูเขา 4 สัปดาห์ การฝึกคล้ายๆกับ จู่โจมของกองทัพบก แต่เน้นภาคทะเลเป็นพิเศษ
ในขณะที่ “กองทัพอากาศ” เป็นเหล่าเดียวที่เปิดให้ “พลทหาร” สามารถเข้าสมัครเข้าเรียนหลักสูตรรบพิเศษได้ เมื่อจบหลักหลักสูตรก็จะบรรจุเป็นข้าราชการในชั้นยศจ.ต.ทันที
โดยหลักสูตรรบพิเศษของกองทัพอากาศ คือ “หลักสูตรปฏิบัติการพิเศษ อากาศโยธิน (COMMANDO & Pj& CCT)”ใช้ระยะเวลาฝึก22 สัปดาห์ โดยการฝึกจะเน้นปฏิบัติการพิเศษ ปราบปราม และต่อต้านการก่อการร้ายสากล การรักษาความปลอดภัยบุคคลสาคัญ ,การค้นหาช่วยชีวิต กรณีเฮลิคอปเตอร์ตก การกู้เครื่อง ช่วยเหลือนักบิน ทั้งพื้นที่ปกติและพื้นที่การรบ
ส่วน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” จะมี “หลักสูตรต้านก่อการร้าย (นเรศวร 261- อรินทราช26) ” หรือ มักจะเรียกกันว่า “อรินทราช 26” โดยใช้ระยะเวลาการฝึกประมาณ 4เดือน
แต่หลักสูตรสำคัญที่สุด สำหรับบุคลากรที่ประจำการในสังกัดหน่วยรบพิเศษ นั่นคือ “หลักสูตรส่งทางอากาศ” หรือ “พลร่ม” ที่มีระยะเวลาการศึกษาประมาณ 5 สัปดาห์ แบ่งภาคการศึกษาออกเป็น การฝึกภาคพื้นดิน และการกระโดดร่มจริงจากอากาศยาน
หลักสูตรรบพิเศษทั้งหมดนี้เป็นหลักสูตรที่ฝึกโหด หนัก และหินสุดๆสภาพจิตใจและร่างกายจะต้องเข้มแข็ง เพราะฝึกให้เป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ เนื่องจากต้องไปปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยง และอันตราย หากร่างกายและจิตใจไม่เข้มแข็ง ภารกิจก็อาจจะล้มเหลวได้
