สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ถึงเหตุอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศว่า สถานการณ์โดยรวมยังวิกฤติ ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปยังที่ปลอดภัย ขณะที่อาคารบ้านเรือนหลายแสนหลังจมอยู่ใต้น้ำและได้รับความเสียหาย ทางการต้องระดมเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเร่งระบายน้ำในพื้นที่ประสบภัยทุกแห่ง แต่เบื้องต้น มีการประเมินว่าอาจต้องใช้เวลานานถึง 2 สัปดาห์ ส่วนระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่ เบื้องต้น มีรายงานว่าบริษัทรถไฟ 17 แห่ง ระงับให้บริการเส้นทางสายตะวันตกรวมกัน 56 เส้นทาง
สำนักอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตอนนี้ได้เพิ่มระดับการเตือนภัยใน 8 จังหวัดทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ เป็นระดับสูงสุดแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นนอกเหนือจากนี้ ได้สั่งยกเลิกการเตือนภัย เนื่องจากสภาพโดยทั่วไปดีขึ้นและมีฝนตกน้อยลง
ภารกิจหลักของเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองและหน่วยกู้ภัยกว่า 50,000 นายที่ในพื้นที่ คือ การใช้เรือและเฮลิคอปเตอร์เร่งค้นหาผู้ที่ยังติดค้าง เพื่อลำเลียงไปยังที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ติดค้างอยู่ในโรงพยาบาลที่ถูกน้ำท่วม ในส่วนของผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 97 คน ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ส่วนอีก 56 คนยังคงสูญหาย
ส่วนอีกหนึ่งพื้นที่ที่กำลังเตรียมรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวน คือ ไต้หวัน มีการประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น “มาเรีย” ที่กำลังจะขึ้นฝั่งในอีก 2 ถึง 3 วันข้างหน้านี้ โดยพื้นที่ที่ต้องระวังมากที่สุด คือ ภาคเหนือ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จุดศูนย์กลางของไต้ฝุ่นลูกนี้จะขึ้นบก ซึ่งจะส่งผลกระทบทั่วทั้งเกาะไต้หวัน
ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้แจ้งเตือนให้แรงงานไทย และชุมชนไทยในไต้หวัน ระวังและคอยติดตามข่าวความคืบหน้าพายุไต้ฝุ่นลูกนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังเตือนเพิ่มเติมถึงคนไทยที่จะเดินทางไปไต้หวันในช่วงวันที่ 9 ถึง 13 กรกฎาคม ให้ติดตามรายงานอากาศอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน