ครูพละข่มขืน-ทำอนาจารเด็กในโรงเรียน รับโทษแค่งดขึ้นเงินเดือน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากกรณีที่มีกรณีอื้อฉาว ครูพลศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านคลองเตย ข่มขืนกระทำชำเรา และอนาจารเด็กไม่ต่ำกว่า 20 คน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำต่อเนื่องมานานกว่า 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ครั้งหนึ่งเคยถูกตรวจสอบแล้ว แต่กลับถูกลงโทษเพียงไม่ปรับขึ้นเงินเดือน 2 วาระ เท่านั้น และยังคงกลับมาสอนได้ตามปกติ จนกระทั่งเรื่องนี้ได้กลับมาเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงครั้ง หลังมีการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2

นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ผอ.ฝ่ายสืบสวน องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า ครูพละ คนดังกล่าวทำงานในโรงเรียนนี้มานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งจะมีการรายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2557 คือ มีน้องคนหนึ่งถูกกระทำอนาจารเมื่อปี 2557 และถูกข่มขืนอีกครั้งเมื่อกลางปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งหากย้อนกลับไป น้องผู้หญิงคนนี้โดนกระทำอนาจารทางเพศตอนเรียนอยู่ชั้น ป.6 และได้จบการศึกษาไปเรียนที่ต่ออื่น แต่แม่ของน้องยังทำงานในโรงเรียน

ซึ่งครูพละก็เห็นน้องมาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ครอบครัวของน้องกับครูก็มีความสนิทสนมกันดี ครอบครัวทราบเรื่องตั้งแต่ปี 2557 กอดกันเข่าอ่อน ไม่เชื่อว่าครูที่เป็นเพื่อนจะทำได้ ซึ่งเหตุการณ์เมื่อปี 2557 น้องถูกเรียกตัวไปให้ทำความสะอาดห้อง และถูกผลักลงพื้น ก่อนที่ครูจะพยายามจะทำอนาจาร แต่น้องก็หนีออกมาได้ น้องไปบอกแม่ ตอนแรกแม่ไม่เชื่อลูก เพราะภายนอกครูดูเป็นคนดี ต่อมาน้องได้ไปเห็นเพื่อนถูกกระทำอนาจาร น้องจึงไปช่วย และด็กๆคนอื่นก็โดนทำอนาจารอีก จึงวิ่งไปฟ้องคุณครูท่านอื่นๆ ซึ่งผู้อำนวยการในขณะนั้น และครูบางท่าน มองว่าอาจไม่ใช่เรื่องจริง แต่ครูบางท่านเชื่อ ก็พยายามผลักดันเรื่องนี้ ให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษแต่ก็ไปไม่สุดทาง สุดท้ายครูจึงทำได้แค่ช่วยกันเตือนลูกศิษย์ว่าอย่าเข้าใกล้ครูคนนี้

ในครั้งนั้นมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจากต้นสังกัด ต้นสังกัดบอกว่ามีความผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง ซึ่งเด็กทั้ง 16 คน เล่าพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันหมด คือถูกกอด ถูกหอมแก้ม และจับหน้าอก บางคน ป.4 อายุไม่ถึง 10 ขวบ น้องบอกครูขอกอด ครูหอมแก้ม คิดว่าผู้ใหญ่รักเด็กเหมือนผู้ปกครอง เด็กเขาไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งเลยเถิดไปมากกว่านั้น โดยผลที่ออกมาโทษของการกระทำคือ ไม่พิจารณาเงินเดือน 2 วาระ ซึ่งระหว่างตรวจสอบ ครูถูกย้ายไปช่วยราชการที่อื่น แต่เมื่อผลออกมา คือ ครูกลับมาทำงานที่เดิม สอนตามปกติในตำแหน่งเดิม และล่วงละเมิดทางเพศเด็กอีกกว่า 4 ปี

ภายหลังได้มีคณะกรรมการชุดใหญ่อีกชุดหนึ่งเข้ามาตรวจสอบ นำโดยนายพิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานครเข้ามาดูสำนวน และบอกว่ากรณีที่เกิดขึ้นคือวินัยร้ายแรง

โดยเมื่อครูผู้ก่อเหตุทราบ ว่าจะมีการตรวจสอบได้เข้ามาหาน้องเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อจะให้น้องให้การมีประโยชน์กับตัวครู บอกว่าครูนัดเพื่อนๆคนอื่นมาด้วย และขออนุญาตแม่แล้ว ซึ่งให้ไปที่ห้องอาหารคาราโอเกะแห่งหนึ่ง แต่ปรากฎว่าเมื่อไปถึงกลับไม่พบเด็กคนอื่นๆอยู่เลย ครูอ้างว่าเพื่อนๆคนอื่นมาไม่ได้ มากไปกว่านั้น คือ ครูยังชวนเด็กกินเหล้ากินเบียร์ พยายามเกลี่ยกล่อมน้อง แต่น้องไม่กิน น้องเข้มแข็งมาก ซึ่งปรากฎว่าเย็นวันนั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงพากลับมาที่โรงเรียน ขอคุยกันอีกซักรอบในตอนค่ำ โดยบอกให้น้องไปเปิดห้องที่ชั้น 3 ในการพูดคุยกัน เมื่อพาถึงห้องครูปิดประตูข่มขืนเลยในโรงเรียน เด็กพยายามร้องตะโกนให้คนช่วยแต่ไม่มีใครได้ยินเสียง จากนั้นน้องรีบสวมใส่เสื้อผ้า และหนีออกมา แจ้ง รปภ. ตำรวจมาตรวจสอบ 2 นาย ชาวบ้านในละแวกนั้นมาล้อมโรงเรียนไว้ ครูผู้ก่อเหตุพยายามหนีที่หน้าต่าง แต่ก็มีผู้ไปพบตัว

ทั้งนี้ ในวันนั้นยังไม่สามารถแจ้งความข้อหาข่มขืนได้ ต้องรอผลการตรวจสอบก่อน จึงได้มีการส่งตัวน้องไปตรวจร่างกาย แพทย์ลงความเห็นว่า มีร่องรอยการพยายามถูกข่มขืน บางส่วนของเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด ซึ่งตนเองมองว่า มันต้องมีอะไรสอดใส่เข้าไปแน่นอน ไม่ว่าอวัยวะใดก้ตาม หรือ สิ่งอื่นๆ ไม่งั้น เยื่อพรหมจรรย์บางส่วนจะฉีดขาดได้อย่างไร ซึ่งต่อมาน้องได้ไปพูดคุยกับสหวิชาชีพ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จึงได้มีการแจ้ง 4 ข้อหา คือ 1.ข่มขืน 2.กระทำอนาจาร 3.พรากผู้เยาว์ และ 4.ทำร้ายร่างกาย

สิ่งที่ผมข้องใจก็ คือ ทำไมผลตรวจถึงผิดวินัยไม่ร้ายแรง เด็กมีทั้งหมด 16 คน แม้จะให้การไม่ครบ 16 คนก็ตาม แต่ ณ เวลานั้น การล่วงละเมิดทางเพศ เด็ก ป.4-ป.6 ก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแล้ว ซึ่งตอนนี้มีรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว หลายคนออกมาคอมเม้นท์ในเพจ “ล่า” ว่า หนูก็เคยโดนจับหน้าอก กอด หอมแก้ม ตอนแรกคิดเพราะครูรัก และเอ็นดูเหมือนพ่อแม่ที่รักลูก ผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็ก แต่ความจริงคือไม่ใช่ เรื่องแบบนี้ดูจากภายนอกไม่ได้ อยากให้ผู้ใหญ่ลองเชื่อคำพูดของเด็กดู เด็กยังเล็กมาก เขาคงไม่พูดโกหก ซึ่งเมื่อปี 2557 เชื่อเด็กๆ เรื่องคงไม่บานปลายมาถึงขณะนี้ บุคคลที่ต้องรับผิดชอบไม่ใช่แค่ครูพละผู้ก่อเหตุ แต่ครูคนอื่นๆ คณะกรรมการคนอื่นๆในครั้งนั้น ที่เปิดโอกาสให้เขาทำความผิดมาเรื่อยๆ ก็ควรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย ล่าสุด พบว่าเหยื่อมีมากถึงกว่า 30 คน

สิ่งที่อยากบอกพ่อแม่ คือ หากลูกมาบอก หรือ เล่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาในลักษณะนี้ อยากให้เชื่อ ซึ่งถ้าเป็นตนเองจะมองในแง่ร้ายไว้ก่อน ต้องคิดไว้ก่อน และต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ชมคลิปที่นี่ : เดือด! ครูข่มขืนเด็กในโรงเรียน รับโทษ แค่ "งดขึ้นเงินเดือน"

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ