กรณีในโลกโซเชียล เผยแพร่คลิปภาพ ทอมทำร้ายร่างกายแฟนสาวได้รับบาดเจ็บ และมีการวิพากษ์วิจารณ์บุคคลในคลิปที่ไม่เข้าไปช่วยเหลือ นั้น
น.ส. แพรวดาว ศิวภูวดลพิทักษ์ พลเมืองดีที่เข้าไปห้าม ระบุว่า ตนเองเห็นเหตุการณ์จากด้านหลังโรงจอดรถของอาคารเกิดเหตุ และแฟนก็ตะโกนให้ทอม หยุดทำร้ายแฟนสาว แต่ไม่ยอมหยุด จากนั้นตนเองได้นำรถยนต์ไปจอดไว้ แล้วขับรถจักรยานยนต์มาในที่เกิดเหตุพร้อมประเมินสถานการณ์ไปด้วยว่าทอมคนดังกล่าวอาจมีอาวุธ เพราะไม่มีใครเข้าไปช่วย ส่วนผู้ชายที่อยู่ในตึกที่เห็นในคลิปก็พยายามดันประตูออกมาแต่ ประตูก็ไม่เปิด
เมื่อตนเองประเมินสถานการณ์เห็นว่าไม่มีอาวุธ จึงเดินเข้าไปห้าม แต่ไม่ให้แฟนเข้าไปเพราะเกรงว่าแฟนอาจจะไปทำร้ายทอมคนดังกล่าว เพราะขณะนั้นเขาโมโหมาก ตนจึงให้เขาระวังหลังให้ พร้อมถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน เพราะไม่แน่ใจว่าในขณะนั้นกล้องวงจรปิดจะใช้งานได้หรือไม่ เมื่อตนเข้าไปก็ตะโกนถามว่าทำร้ายผู้หญิงทำไม ทอมคนดังกล่าวก็บอกว่า ขอโทษครับ และก็หันมาขอโทษแฟนด้วย จากนั้นก็ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ส่วนคนเห็นเหตุการณ์นั้น ก็มีหลายคน นอกจากผู้ชายที่อยู่ในตึกแล้ว ก็ยังมีคนเดินผ่านไปมาเห็นเหตุการณ์ด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม
ด้าน นาย นิติธร แก้วโต ทนายความอิสระ หรือ ทนายเจมส์ ระบุว่า หากคนเห็นเหตุการณ์แล้วไม่เข้าไปช่วย จะมีความผิดลหุโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 374 แต่ในเนื้อหากฎหมายระบุว่า เห็นควรจะสมควรกลัวหรือไม่ ถ้ากลัวก็ไม่ต้องเข้าไปช่วย ถือว่าไม่มีความผิด เช่น ผู้ก่อเหตุมีมีด มีปืน หรือ ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย แต่ผู้เห็นเหตุการณ์ เป็นผู้หญิง ในลักษณะนี้เป็นเหตุสมควรกลัว และถ้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งจริงๆ ก็สามารถโทรศัพท์แจ้งตำรวจได้ และต้องดูว่าอาคารที่เกิดเหตุมี รปภ.หรือไม่ ถ้ามีก็เป็นหน้าที่ของรปภ.ที่จะต้องเข้าไประงับเหตุ
ในเหตุการณ์นี้มีคนเดินไปเดินมาเห็นเหตุการณ์หลายคน ตำรวจก็สามารถเอาผิดคนเห็นเหตุการณ์ได้ พร้อมเรียกไปสอบสวนว่าเห็นแล้วทำไม่ไม่เข้าไปช่วย ถ้าผู้เห็นเหตุการณ์ตอบตรงกันหมดว่า ทอมคนดังกล่าวอ้างว่า มีมีด หรือปืน ไม่ต้องมายุ่ง ก็มีเหตุให้เชื่อว่ามีภยันอันตราย คนเห็นเหตุการณ์ก็ไม่มีความผิด แต่ถ้าทอมไม่มีการกล่าวอ้างดังกล่าวคนเห็นเหตุการณ์ก็จะมีความผิด