ตำรวจระบุไม่พบหลักฐานการล่วงละเมิดสาวอังกฤษที่เกาะเต่า หลังลงพื้นที่


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การลงพื้นที่ของตำรวจคดีที่นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ออกมาระบุว่า ถูกวางยาและล่วงละเมิด ในพื้นที่เกาะเต่า ผ่านสื่อต่างประเทศ ล่าสุดตำรวจการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ทั้งการหาพยานหลักฐาน การสอบปากคำพยาน ยังไม่พบว่ามีเหตุการณ์ การล่วงละเมิดเกิดขึ้น แต่หากผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความ หรือมีหลักฐานใหม่ ว่าถูกล่วงละเมิดจริง ตำรวจจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

วันนี้(28 ส.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดแรกที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บรายละเอียด คือบริเวณ ริมหาดทรายรีที่ถูกระบุจากนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างชาติว่า ถูกล่วงละเมิดบริเวณนั้น

จากนั้นตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ย้อนไปที่จุดที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อ้างว่าเริ่มหมดสติ ซึ่งมีระยะห่างจากจุดที่ถูกล่วงละเมิดประมาณ 300เมตร 

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ทั้งการลงพื้นที่หาหลักฐาน การสอบปากคำพยาน และร่องรอย รวมถึงเอกสารที่อ้างว่าถูกมอมยา ต่างๆ พบว่าจุดที่ถูกระบุ การตรวจสอบ ตลอดแนว พบเป็นร้านอาหารริมหาดทรายรี ยังไม่พบว่ามีเหตุการณ์การล่วงละเมิดเกิดขึ้น แต่หากผู้เสียหายมาพบและมาแจ้งความ มีหลักฐานใหม่อื่นๆ ว่า มีการล่วงละเมิดเกิดขึ้นจริง ตำรวจจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ทั้งนี้ ตำรวจได้ประสานสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อติดต่อผู้เสียหายแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ ในวันพรุ่งนี้จะรายงานผลการลงพื้นที่ ให้เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยทราบ

ขณะที่คนในพื้นที่ระบุว่า บริเวณที่ถูกพูดถึง จะมีคนพลุกพล่านทั้งคืน มีแสงไฟส่องสว่าง ซึ่งหากมีคนหมดสติ หรือหากมีการแบกหามและพยุง ต้องมีคนพบเห็น แต่การสอบถามกันของผู้ประกอบการกลับไม่พบ ขณะที่แต่ละร้านพยายามช่วยกันหาข้อมูล และตรวจสอบวงจรปิด เท่าที่สามารถทำได้ แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ เช่นเดียวกัน 

โดยล่าสุดตำรวจได้ส่งภาพชายชาวเอเชียที่เคยมีประวัติก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ และลักทรัพย์ ไปให้ทางนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ผ่านทางคนที่สามารถติดต่อได้ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษไม่ยืนยัน

ขณะที่ข้อเท็จจริง จากพยานบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของโฮสเทล ที่ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ยืนยันเช่นเดิมว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงคืนวันที่ 25 ต่อเนื่องวันที่ 26 มิถุนายน และตัวเองได้พยายามให้นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษแจ้งความในทันที แต่เธอปฏิเสธ   ส่วนที่เพื่อนชายที่ชื่อมาร์ติน กลับมาที่เกาะเต่า และปรึกษาเธอเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม หลังเกิดเหตุประมาณ 8 วัน

เจ้าของโฮเทลเล่าว่า เธอเป็นคนพาไปพบตำรวจ เบื้องต้นในตอนนั้น กล้องสามารถย้อนดูได้ถึงวันที่ 28 มิถุนายน และไม่สามารถลงบันทึกประจำวันได้เนื่องจากไม่มีผู้เสียหายมายืนยัน ทั้งนี้เธอยังพยายามติดต่อนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ เพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

ด้านครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ให้สัมภาษณ์พิเศษ ผ่าน สุทธิชัย Live ถึงประเด็นการที่ตำรวจระบุว่า นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ไม่ได้แจ้งข้อมูลการถูกล่วงละเมิดกับตำรวจว่า ไม่เป็นความจริง โดยยืนยันว่าลูกสาวของเธอได้แจ้งกับตำรวจ สภ.เกาะพงัน ว่าถูกล่วงละเมิด แต่ไม่มีการลงในรายละเอียด ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แจ้งความในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเกาะเต่า ในทันทีเนื่องจากในตอนนั้น ยังรู้สึกมึนเพราะฤทธิ์ยา รวมถึงจองตั๋วเรือไปเกาะพงันไว้แล้ว และคิดว่าเกาะพงันที่อยู่ในพื้นที่ไม่ไกลจากเกาะเต่า จะสามารถแจ้งความได้

สาเหตุที่เรื่องดังกล่าวเพิ่งมาเปิดเผย เนื่องจากเธอได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย  และการตรวจหลักฐานทั้งหมด จึงต้องใช้เวลา พร้อมระบุว่า ล่าสุดเจ้าของโฮสเทลได้ติดต่อลูกสาวของเธอ และระบุว่าไม่ให้ลูกสาวให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับสื่อมวลชน ส่วนการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจะไม่ให้ลูกสาวกลับมาเมืองไทย แต่ส่วนตัวเธอ พร้อมเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีและได้รับการยืนยันจากเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเรื่องการดูแลความปลอดภัย และระบุว่าพื้นที่เกาะเต่าทีผู้มีอิทธิพล ทำให้คดีต่างๆไม่ได้รับการสอบสวนเท่าที่ควร

ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ